ท่านผู้รับเหมางานตกแต่งภายใน กับ เจ้าท่านของบ้านผู้น่ารักทั้งหลาย จากประสพการณ์ทำงานในวงการ ออกแบบตกแต่งภายใน อันยาวววนานของผม พบว่า มีข้อพึงสมควรทราบและระวังในการว่าจ้างงานกัน เกิดการมีปัญหาคาใจกัน...บ่อยครั้งที่เกิดจากความไม่รู้ ไม่เข้าใจ กลัวถูกเอาเปรียบ ในกระบวนการงาน ตกแต่งภายใน ของทั้งสองฝ่าย ปัญหาที่เกิดขึ้นมีอะไรบ้าง ผมขอรวบรวมมาโดยประมาณนะครับ
1.ปัญหาที่เกิดจาก ช่าง ผู้รับเหมางานตกแต่งภายใน
2.ปัญหาที่เกิดจาก เจ้าของบ้าน เจ้าของงาน
มาเริ่มกันที่ปัญหาคู่กรณีแรกกันก่อนเลยครับ
-ช่างเสนอราคางาน โดยไม่มี "สถาปนิกออกแบบภายใน" ควบคุม คือคุยงานกับท่านเจ้าของบ้านโดยตรง โดยอาจจะไม่ผ่านการออกแบบจาก"สถาปนิกออกแบบภายใน" ผลคือ ช่างชอบเสนอราคางานแบบเหมารวม ไม่แจกแจงรายละเอียด และไม่มีเสป็กงานที่ชัดเจน เมื่อตกลงให้ทำงานไปแล้ว เกิดข้อถกเถียงกันเมื่อภาพงานจริง ไม่เป็นดั่งที่คิด เกิดการขอแก้ไข เปลี่ยนแปลง โดยไม่มีคนกลางที่แก้ปัญหาให้ได้ บ่อยครั้งมีการบ่ายเบี่ยงกันว่า อันนี้รวม อันนี้ไม่รวมในราคางาน
-ช่างทำงานออกมา ไม่ได้มาตรฐานที่เจ้าของบ้านพึงพอใจ บางทีเสนองานราคาถูกแย่งกัน สุดท้ายช่างอ้างว่าราคาที่เสนอเป็นคุณภาพงานแบบนี้ ถ้าอยากได้คุณภาพดีๆ ต้องอีกราคา (แต่เจ้าของบ้านบางท่านก็ดูไม่ออกนะครับ เรื่องมาตรฐานงานนี่แหล่ะครับ)
-ช่างทำงานล่าช้า ไม่ตรงตามเวลาที่ตกลงกันไว้ อันนี้ขอบอกว่ายอดนิยมเลยครับปัญหานี้ ปัญหานี้มักเกิดจาก ช่างไม่พอบ้าง ระเบียบวินัยของช่างแรงงานบ้านเราบ้าง ช่างเข้างานสายปกติของช่างเช่น สิบโมงเช้าถึงหน้างาน บ่อยครั้งนะครับที่ ผู้รับเหมางานตกแต่งภายใน ชอบไปรับปากท่านเจ้าของบ้านที่อยากได้งานเสร็จไวๆ ทำให้ได้ตามเวลาที่ต้องการ ผมเจอบ่อยครับ ประเมิณเนื้องานแล้วว่า งานแบบนี้ต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่า หกเดือน แต่ช่างอยากได้งานกลับบอกว่า สามเดือนเสร็จ ปรากฎว่า เสร็จจริงๆครับคือเสร็จช่างครับ หุๆ เลยพาลทะเลาะไม่จ่ายค่าจ้างหาเรื่องเบี้ยวไม่จ่ายช่างไปเลยก็มี โดนกันมาเยอะแล้ว บ้างก็อดทนรอให้ช่างทำจนเสร็จ หักค่าเสียเวลาไป แต่ไม่เคยคุ้มครับ ขอบอก
-ช่างทำงานแบบด้น ไม่ปรึกษาผู้ออกแบบ อ่านแบบไม่เก่ง อย่านึกว่าไม่มีนะครับ แต่ส่วนมากมักเกิดกับช่างที่ไม่ค่อยได้รับงานผ่านการแนะนำจากผู้ออกแบบ เจ้าของบ้านคัดเลือกมาเอง โดยเห็นว่าราคา ไม่แพง(แปลว่า ราคาถูกครับ) ทีนี้เวลาผู้ออกแบบ ตรวจสอบเจอ บางทีถ้าเบรกไว้ทันก็ไม่มีปัญหา บางทีงานทำไปเยอะ ช่างมักอิดออด เลี่ยงบาลี ผมเจอเองบ่อยครั้งที่หาว่าก็ทำตามแบบอ่ะ พอเอาแบบมาเคลีย ก็นิ่งไป แต่แก้ไขงานบางครั้งมันไม่ทันแล้วครับ งานจะมีตำหนิ และช่างไม่อยากรื้องานทิ้งทั้งชุดหรอกครับ
-ผู้รับเหมางานตกแต่งภายในรับงานสเกลใหญ่ แต่ขาดโฟร์แมนดูแลงาน อันนี้มักจะก่อให้เกิดปัญหา ช่างทำงานล่าช้า และทำงานผิดพลาดเนื่องจาการอ่านแบบไม่ขาดครับ ต้องคอยแก้ไขงาน งานช้ำ ผู้รับเหมางานตกแต่งภายใน หลายๆราย มักเลี่ยงบาลีโดยการมอบหมายให้หัวหน้าช่างที่ทำงานอยู่หน้างาน เป็นโฟร์แมนไปในตัว ก็ทำได้บ้างครับถ้างานไม่วุ่นวายมาก แต่อย่างที่บอกครับ ถ้างานใหญ่ๆต้อระวังครับ เพราะ โฟร์แมนที่ดี เขาจะมีหน้าที่เหมือนผู้จัดการหน้างาน จัดระเบียบ สั่งของเข้างาน คุมแบบ วางแผน ประสานงานกับ บริษัทเขาครับ
-ช่าง ชอบไปตอบคำถาม ที่ท่านเจ้าของบ้านถาม โดยไม่รู้กาละเทสะ (ทั้งเจ้าของบ้านเอง และช่าง อันนี้ผมไม่ได้หาเรื่องว่าท่านเจ้าของบ้านนะครับ) งานตกแต่งภายในนี่นะครับ ผมขอแนะนำเลยว่า หากท่านเจ้าของบ้าน มี"สถาปนิกออกแบบภายใน" และ ทีมผู้รับเหมางานตกแต่งภายใน แล้ว ท่านต้องถามต้องใช้งานให้เป็นนะครับ อย่าไปถามเอากับช่างโดยตรง เพราะเจอมั่วไม่รู้จริง หรือไม่ใช่เรื่องที่เขาควรตอบ ก็บ่อยครับ ถามไปถามมาได้ข้อมูลผิดๆจนเป็นชนวนทะเลาะ ไม่ไว้ใจกันก็บ่อยครับ
-ผู้รับเหมางานตกแต่งภายใน เบิกงวดงานไม่เป็นไปตามที่ตกลงไว้ในรายละเอียด คือปกติแล้วการเบิกเงินค่างวดงาน มักจะระบุลงไปว่า งวดที่1 จะเบิกเมื่อตกลงว่าจ้าง (ตรงนี้มีหลายๆท่านงง อ้าว..ทำไมตกลงว่าจ้างปั๊บเบิกเงินเลยเหรอ ต้องบอกก่อนว่า ผู้รับเหมางานตกแต่งภายใน ส่วนใหญ่ถ้ารับงานที่ไม่ใช่ของราชการ ต้องเบิกมัดจำก่อนครับ กี่%ก็แล้วแต่จะยอมกันครับ) งวดที่2 จะเบิกเมื่อทำอะไรแล้วเสร็จก็ว่ากันไป...บลาๆๆ ทีนี้โดยส่วนมาก พอทำไปจริงๆไม่เป็นอย่างงั้น ด้วยเหตุทางเทคนิก จึงมักจะเบิกโดยอาศัยงานตรงนั้นมาโปะตรงนี้ บางทีเจ้าของบ้านก็ยอม บางรายก็ไม่ยอม พาลเริ่มไม่พอใจรอเก็บดอกเหตุการณ์ต่อไป ชำระบัญชีครั้งหน้า คือจบไม่สวยครับ
-ช่าง แอบเอางานที่หน่วยงานอื่น มาทำที่ไซต์งาน (อ้าว...เจ้าของบ้านย่อมแอบเคืองครับ เพราะ เปลืองน้ำ เปลืองไฟ เปลืองเวลา สารพัดเปลือง) เจอบ่อยครับ มากบ้าง น้อยบ้าง เจ้าของบ้านบางท่านใจดี ก็แอบทำเป็นเฉยๆ แต่บางท่านก็เก็บไว้ชำระทีหลัง
สรุป เอามายกตัวอย่างให้เห็น พอเป็นน้ำจิ้มนะครับ ขอยกยอดไปต่อคราวหน้า กับคู่กรณี คือ ท่านเจ้าของบ้าน เจ้าของงานกันครับ
My Interior Design Blog U Can Visit My Port Folio At IG: datelier_interior or for Animation at Youtube: DAtelier Interior
วันศุกร์ที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2558
วันจันทร์ที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2558
จ้าง "นักออกแบบตกแต่งภายใน" ราคาถูก หรือ ราคามาตรฐานดีครับ?
คำถามยอดฮิต หรือเรียกได้ว่า เป็นคำถามสามัญประจำบ้านในเว็บบอร์ดงาน "ออกแบบตกแต่งภายใน" ที่ผมมักได้ยินได้อ่านกันบ่อยๆเลยครับคำนี้ ข้อเท็จจริงความเหมาะควรในเรื่องนี้ ถ้าลองเปิดใจคิดตามความเป็นจริง แล้วค่อยๆตัดสินใจก็ไม่สายหรอกครับ
จ้าง "นักออกแบบตกแต่งภายใน" ราคาถูก ในความเป็นจริงแล้ว ผมว่าคงไม่มี "นักออกแบบตกแต่งภายใน" ท่านใดอยากรับงานในราคาที่ต่ำกว่ามาตรฐาน หรือถูกเกินความเป็นจริงหรอกครับ เว้นเสียแต่ว่า ทำให้กับคนที่รักชอบพอกัน หรือญาติสนิท มิตรสหายผู้มีบุญคุณทั้งหลาย ดังนั้นถ้านอกเหนือจากนี้ ท่านลองสมมุติว่าถ้าเป็นตัวท่านเองท่านจะรับงานราคาถูกด้วยเหตุผลใดกันละครับ ถ้าไม่ใช่เพราะว่า...ท่านมีความจำเป็นต้องรับงานครับ!! อย่ามโนนะครับว่า อ้าว..ก็ฉันเป็นฟรีแลนซ์ ฉันก็รับถูกได้สิ ฉันไม่มีค่าบริหารจัดการ..บลาๆๆ...ก็ถูกต้องครับ แต่เป็นค่าออกแบบถูกในราคามาตรฐานฟรีแลนซ์ครับ ไม่ใช่ถูกแบบจ้างใครก็ได้ที่อ้างตัวว่าจบสายงานออกแบบตกแต่งภายในมาครับ เพราะไม่เช่นนั้น ค่าออกแบบที่ถูกเหลือเชื่อ มักถูกแลกมาด้วยการลดทอนรายละเอียดในการทำงานให้ท่านลงครับ มีอะไรบ้าง มาดูกันครับ
1.เริ่มตั้งแต่การตรวจเช็คพื้นที่จริงที่ต้องออกแบบนะครับ ตรวจดูแบบลวกๆ เร็วๆ ขาดความระเอียด มีปัญหาค่อยแก้ทีหลัง ถ้าพื้นที่เล็กๆนี่ยังพอทำหลับตาไม่เห็นได้นะครับ แต่ถ้าพื้นที่เยอะๆ โดยเฉพาะงาน Renovate นี่ อันตรายครับ
2.ขั้นตอนพูดคุย Concept งานออกแบบ โปรดสังเกตุว่า ปกตินักออกแบบโดยสายเลือดนั้น มักจะมีอัตตาในสายงานอาชีพตัวเองสูงครับ คือ มักจะพูดคุยสอบถาม ค้นหา จนเจอว่าท่านชอบอะไร แบบไหน ถูกแพง แล้วนำไปออกแบบมาให้ท่านดู แต่ถ้าเป็นนักรับงานราคาถูก ก็มักจะลดความยุ่งยากลงโดย ยอมๆให้ท่านเลือกและสรุปความชอบงานโดยท่านสามารถชี้นิ้ว จิ้มๆๆๆเอา และบอกว่า ฉ้นชอบแบบนี้เหล่ะ ง่ายดี เอาเลยจบเร็ว ไม่ต้องเปลืองสมองคิด
3.การนำเสนองานออกแบบ สมัยก่อนหน้านี้ที่วงการ IT ยังเป็นแบบล้าหลังอยู่ รูปแบบการนำเสนองานนี่แข่งกันที่ไอเดียและฝีมือล้วนๆ คือเสก็ตและเขียนด้วยมือ คือลายเส้น และลงสีล้วนๆ ดูรู้เรื่องบ้าง ไม่รู้เรื่องบ้าง ว่ากันไป แต่ปัจจุบันนี้ แข่งกันที่ ไอเดีย และ โปรแกรมคอมพิวเตอร์ 3D ครับ มีตั้งแต่แบบง่ายๆคือ 3D แบบSketh แสงเงายังไม่เหมือนจริง จนกระทั่ง 3D แบบเรนเดอร์ คำนวณแสงเงาออกมา จนคนนอกวงการแยกไม่ออกว่า นี่มันรูปถ่ายงานจริงๆเอามาให้ตรูดูหรือเปล่าเนี่ย แต่สิ่งเหล่านี้ต้องแลกมาด้วย ราคา เวลา ค่าใช้จ่าย ที่สูงตามเงาครับ (ลองดูรูปแบบเปรียบเทียบที่ผมนำเอางานของตัวเองมาให้ดูชมกันครับ)
และแทนที่บ้านหนึ่งหลัง ขนาดสามห้องนอน ควรจะมีแบบทัศนียภาพ 3D มาให้ท่านดูซัก 12-16ภาพ ก็อาจจะเหลือแค่ ห้องละภาพครับ รวมๆซัก 5-6 ภาพ ที่เหลือต้องมโนเอาครับ และอาจจะไม่เรนเดอร์แสงเงา หรือทำก็แบบหยาบๆ เจ้าของงาน ส่วนใหญ่ไม่ทราบก็ แค่ไหนก็แค่นั้นครับ ผู้รับเหมางานโดนหางเลขไปด้วย หุๆ
4.ขั้นตอนการลงรายละเอียดแบบ เพื่อส่งมอบให้ท่านและ "ผู้รับเหมางานออกแบบตกแต่งภายใน" ใช้คิดราคางานและทำงาน "นักออกแบบตกแต่งภายใน" ราคาถูก มักจะประหยัดเวลา ค่าใช้จ่าย ด้วยการเขียนแบบแสดงรายละเอียดแบบรีบๆ ลดเวลา ลดทอนรายละเอียด ลดหน้ากระดาษ และไม่เขียนเอกสาร B.O.Q หรือรายการปริมาณงาน(Bill Of Quantity) เพื่อประกอบแบบคิดราคางานรับเหมาครับ (ผมมีเขียนเกี่ยวกับเรื่องนี้ ที่หน้านี้ครับ http://designatelierinterior.blogspot.com/2015/02/boq-bill-of-quantity.html ท่านลองอ่านดูเถอะครับ จะได้ตาสว่างครับ)
5.ขั้นตอนการตรวจสอบหน้างานครับ ปกติ Condo ขนาดย่อมๆซัก 2 ห้องนอน 1 ห้องรับแขก ช่างรับเหมางานตกแต่งภายใน แบบปกติก็ต้องใช้เวลาทำงาน ประมาณ 2-4เดือน ขึ้นกับความยากง่ายของงานนั้้น ส่วน "นักออกแบบตกแต่งภายใน" ก็ต้องประสานงานกับผู้รับเหมางาน รวมทั้งเข้าไปตรวจสอบงาน น่าจะมี ไม่ต่ำกว่า 5-10 ครั้ง ตามความยากง่ายเช่นกัน แต่ "นักออกแบบตกแต่งภายใน" ราคาถูก อาจจะเข้าไปแค่ครั้งสองครั้ง (อ่านไม่ผิดหรอกครับ) บางท่านอาจจะไม่เข้าไปเลย บอกหน้าตาเฉยว่า ออกแบบให้อย่างเดียว ถ้าจะให้ตรวจสอบงานด้วย ขอคิดราคาเพิ่ม มึนตึงกันไปสิครับท่าน
6.ข้อนี้ของแถมครับ คือของแถมจริงๆครับ เจ้าของบ้าน เจ้าของงาน 100 ทั้ง 100 ชอบขอแถมงานงอกให้ "นักออกแบบตกแต่งภายใน" ช่วยออกแบบนู่น นี่ นั่น เพิ่มเติมให้หน่อย ใครที่ชอบออกแบบงานถูกๆ ก็มักจะเกี่ยงงอน อ้างนู่นนี่นั่นเหมือนกัน บางที่แกล้งลืมก็มี แต่ถ้าเจอเจ้าของงาน เขี้ยวลากพสุธา กัดไม่ปล่อย ก็ลำบากเหมือนกันครับ
บทสรุปคือ....โลกนี้มีทั้งของถูกและไม่ดี(ส่วนมาก) ถูกและดี(ส่วนน้อย) แพงและไม่ดี(มีเหมือนกัน) แพงและดี(มีมากหรือน้อยไม่รู้นิ) ก็เลือกซื้อเลือกหาตามกำลังของท่านๆกันละครับ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ท่านบอกว่า "เราเป็นอย่างไร เราก็ได้อย่างนั้น" สาธุครับ
จ้าง "นักออกแบบตกแต่งภายใน" ราคาถูก ในความเป็นจริงแล้ว ผมว่าคงไม่มี "นักออกแบบตกแต่งภายใน" ท่านใดอยากรับงานในราคาที่ต่ำกว่ามาตรฐาน หรือถูกเกินความเป็นจริงหรอกครับ เว้นเสียแต่ว่า ทำให้กับคนที่รักชอบพอกัน หรือญาติสนิท มิตรสหายผู้มีบุญคุณทั้งหลาย ดังนั้นถ้านอกเหนือจากนี้ ท่านลองสมมุติว่าถ้าเป็นตัวท่านเองท่านจะรับงานราคาถูกด้วยเหตุผลใดกันละครับ ถ้าไม่ใช่เพราะว่า...ท่านมีความจำเป็นต้องรับงานครับ!! อย่ามโนนะครับว่า อ้าว..ก็ฉันเป็นฟรีแลนซ์ ฉันก็รับถูกได้สิ ฉันไม่มีค่าบริหารจัดการ..บลาๆๆ...ก็ถูกต้องครับ แต่เป็นค่าออกแบบถูกในราคามาตรฐานฟรีแลนซ์ครับ ไม่ใช่ถูกแบบจ้างใครก็ได้ที่อ้างตัวว่าจบสายงานออกแบบตกแต่งภายในมาครับ เพราะไม่เช่นนั้น ค่าออกแบบที่ถูกเหลือเชื่อ มักถูกแลกมาด้วยการลดทอนรายละเอียดในการทำงานให้ท่านลงครับ มีอะไรบ้าง มาดูกันครับ
1.เริ่มตั้งแต่การตรวจเช็คพื้นที่จริงที่ต้องออกแบบนะครับ ตรวจดูแบบลวกๆ เร็วๆ ขาดความระเอียด มีปัญหาค่อยแก้ทีหลัง ถ้าพื้นที่เล็กๆนี่ยังพอทำหลับตาไม่เห็นได้นะครับ แต่ถ้าพื้นที่เยอะๆ โดยเฉพาะงาน Renovate นี่ อันตรายครับ
2.ขั้นตอนพูดคุย Concept งานออกแบบ โปรดสังเกตุว่า ปกตินักออกแบบโดยสายเลือดนั้น มักจะมีอัตตาในสายงานอาชีพตัวเองสูงครับ คือ มักจะพูดคุยสอบถาม ค้นหา จนเจอว่าท่านชอบอะไร แบบไหน ถูกแพง แล้วนำไปออกแบบมาให้ท่านดู แต่ถ้าเป็นนักรับงานราคาถูก ก็มักจะลดความยุ่งยากลงโดย ยอมๆให้ท่านเลือกและสรุปความชอบงานโดยท่านสามารถชี้นิ้ว จิ้มๆๆๆเอา และบอกว่า ฉ้นชอบแบบนี้เหล่ะ ง่ายดี เอาเลยจบเร็ว ไม่ต้องเปลืองสมองคิด
3.การนำเสนองานออกแบบ สมัยก่อนหน้านี้ที่วงการ IT ยังเป็นแบบล้าหลังอยู่ รูปแบบการนำเสนองานนี่แข่งกันที่ไอเดียและฝีมือล้วนๆ คือเสก็ตและเขียนด้วยมือ คือลายเส้น และลงสีล้วนๆ ดูรู้เรื่องบ้าง ไม่รู้เรื่องบ้าง ว่ากันไป แต่ปัจจุบันนี้ แข่งกันที่ ไอเดีย และ โปรแกรมคอมพิวเตอร์ 3D ครับ มีตั้งแต่แบบง่ายๆคือ 3D แบบSketh แสงเงายังไม่เหมือนจริง จนกระทั่ง 3D แบบเรนเดอร์ คำนวณแสงเงาออกมา จนคนนอกวงการแยกไม่ออกว่า นี่มันรูปถ่ายงานจริงๆเอามาให้ตรูดูหรือเปล่าเนี่ย แต่สิ่งเหล่านี้ต้องแลกมาด้วย ราคา เวลา ค่าใช้จ่าย ที่สูงตามเงาครับ (ลองดูรูปแบบเปรียบเทียบที่ผมนำเอางานของตัวเองมาให้ดูชมกันครับ)
และแทนที่บ้านหนึ่งหลัง ขนาดสามห้องนอน ควรจะมีแบบทัศนียภาพ 3D มาให้ท่านดูซัก 12-16ภาพ ก็อาจจะเหลือแค่ ห้องละภาพครับ รวมๆซัก 5-6 ภาพ ที่เหลือต้องมโนเอาครับ และอาจจะไม่เรนเดอร์แสงเงา หรือทำก็แบบหยาบๆ เจ้าของงาน ส่วนใหญ่ไม่ทราบก็ แค่ไหนก็แค่นั้นครับ ผู้รับเหมางานโดนหางเลขไปด้วย หุๆ
4.ขั้นตอนการลงรายละเอียดแบบ เพื่อส่งมอบให้ท่านและ "ผู้รับเหมางานออกแบบตกแต่งภายใน" ใช้คิดราคางานและทำงาน "นักออกแบบตกแต่งภายใน" ราคาถูก มักจะประหยัดเวลา ค่าใช้จ่าย ด้วยการเขียนแบบแสดงรายละเอียดแบบรีบๆ ลดเวลา ลดทอนรายละเอียด ลดหน้ากระดาษ และไม่เขียนเอกสาร B.O.Q หรือรายการปริมาณงาน(Bill Of Quantity) เพื่อประกอบแบบคิดราคางานรับเหมาครับ (ผมมีเขียนเกี่ยวกับเรื่องนี้ ที่หน้านี้ครับ http://designatelierinterior.blogspot.com/2015/02/boq-bill-of-quantity.html ท่านลองอ่านดูเถอะครับ จะได้ตาสว่างครับ)
5.ขั้นตอนการตรวจสอบหน้างานครับ ปกติ Condo ขนาดย่อมๆซัก 2 ห้องนอน 1 ห้องรับแขก ช่างรับเหมางานตกแต่งภายใน แบบปกติก็ต้องใช้เวลาทำงาน ประมาณ 2-4เดือน ขึ้นกับความยากง่ายของงานนั้้น ส่วน "นักออกแบบตกแต่งภายใน" ก็ต้องประสานงานกับผู้รับเหมางาน รวมทั้งเข้าไปตรวจสอบงาน น่าจะมี ไม่ต่ำกว่า 5-10 ครั้ง ตามความยากง่ายเช่นกัน แต่ "นักออกแบบตกแต่งภายใน" ราคาถูก อาจจะเข้าไปแค่ครั้งสองครั้ง (อ่านไม่ผิดหรอกครับ) บางท่านอาจจะไม่เข้าไปเลย บอกหน้าตาเฉยว่า ออกแบบให้อย่างเดียว ถ้าจะให้ตรวจสอบงานด้วย ขอคิดราคาเพิ่ม มึนตึงกันไปสิครับท่าน
6.ข้อนี้ของแถมครับ คือของแถมจริงๆครับ เจ้าของบ้าน เจ้าของงาน 100 ทั้ง 100 ชอบขอแถมงานงอกให้ "นักออกแบบตกแต่งภายใน" ช่วยออกแบบนู่น นี่ นั่น เพิ่มเติมให้หน่อย ใครที่ชอบออกแบบงานถูกๆ ก็มักจะเกี่ยงงอน อ้างนู่นนี่นั่นเหมือนกัน บางที่แกล้งลืมก็มี แต่ถ้าเจอเจ้าของงาน เขี้ยวลากพสุธา กัดไม่ปล่อย ก็ลำบากเหมือนกันครับ
บทสรุปคือ....โลกนี้มีทั้งของถูกและไม่ดี(ส่วนมาก) ถูกและดี(ส่วนน้อย) แพงและไม่ดี(มีเหมือนกัน) แพงและดี(มีมากหรือน้อยไม่รู้นิ) ก็เลือกซื้อเลือกหาตามกำลังของท่านๆกันละครับ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ท่านบอกว่า "เราเป็นอย่างไร เราก็ได้อย่างนั้น" สาธุครับ
วันจันทร์ที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558
B.O.Q หรือรายการปริมาณงาน(Bill Of Quantity) สำคัญมาก...เวลาให้ผู้รับเหมางานเสนอราคา!!!
B.O.Q หรือรายการปริมาณงาน(Bill Of Quantity) คืออะไรครับ? ผมเชื่อว่ามีหลายท่านคงสงสัย และมันสำคัญอย่างไร?
เชื่อหรือไม่ครับ ใครที่เป็นนักศึกษาเรียนเกี่ยวกับการ "ออกแบบตกแต่งภายใน" สมัยผมเรียนนั้นไม่มีการสอนว่าต้องมีการเขียน B.O.Q ประกอบงานเขียน ออกแบบตกแต่งภายใน กันนะครับ ผมมาเรียนรู้ได้เอาหลังจากจบมาทำงานได้สักสองปีหลังจากนั้นว่า เอ้อ..! เจ้าเอกสารประกอบแบบตกแต่งภายในตัวนี้มันมีความสำคัญกับ ผู้ออกแบบ ผู้รับเหมางานตกแต่ง และท่านเจ้าของงาน เจ้าของบ้านทั้งหลายมากที่เดียว มาดูกันนะครับ..(ใครที่รู้แล้วก็อย่าหาว่าผมพูดทำไมเลยครับ ผมว่าอย่างน้อยก็เป็นวิทยาทานให้กับน้องๆนักศึกษา และท่านเจ้าของบ้านตาดำๆ และผู้รับเหมาตกแต่งจำนวนมาก ก็คงเห็นด้วยกับผมเหล่ะครับ เพราะมี นักออกแบบตกแต่งภายใน หลายๆท่าน หน้าใหม่อาจไม่รู้ หน้าเก่าต้องรู้ แต่ไม่มีเวลาเขียน ขี้เกียจเขียน เขียนไม่ทัน ก็ว่ากันไป)
อันนี้เป็นตัวอย่างเอกสารที่ผมเขียนขึ้นมาหลังจากการออกแบบ และเขียนแบบรายละเอียด งานตกแต่งภายในเสร็จแล้ว ที่นักออกแบบตกแต่งภายใน เรียกว่า B.O.Q หรือรายการปริมาณงาน(Bill Of Quantity) ซึ่งตัวอย่างนี้เป็นรายการเพียงแค่ห้องเดียว (แล้วท่านคิดดูว่าบ้านทั้งหลัง เอกสารจะมีกี่หน้าครับ) ที่ผู้รับเหมางานตกแต่งภายใน ต้องคิดราคางานที่ต้องเสนอโดยอิงตามแบบ และตาม B.O.Q นี้โดยที่ผู้ออกแบบ จะเว้นว่างช่องที่กรอกจำนวนปริมาณ และราคา ไว้ให้ผู้เสนอราคางานเป็นผู้กรอก ตัวเลข
จุดประสงค์ก็คือ เพื่อให้ผู้รับเหมางานตกแต่งภายใน (ที่อาจจะมีมากกว่าหนึ่งราย และแม้ว่าจะมีแค่รายเดียว ก็ควรเขียนขึ้นมา) ซึ่งไม่ได้เป็นผู้ออกแบบ ได้ทราบว่าจะต้องคิดราคาเพื่อเสนอเจ้าของบ้านว่ามีอะไรบ้าง โดยไม่สับสน ไม่หลงแบบ หลงรายการ และหลงประเด็น
ประโยชน์โดยตรงกับทุกๆฝ่ายก็คือ
-หากมีผู้เสนอราคางานมากกว่าหนึ่งราย ทั้งผู้ออกแบบ และเจ้าของบ้าน สามารถเปรียบเทียบรายการงาน ราคา แต่ละรายการได้โดยง่าย ไม่สับสนอลหม่านกันไป
-สามารถเห็นความแตกต่าง หรือผิดปกติในผู้เสนอราคาแต่ละเจ้าได้ง่าย เช่นบ่อยครั้งที่เสนอจำนวนพื้นที่มาต่างกันมากไป
-ผู้เสนอราคาแต่ละราย จะได้ลดทอนความได้เปรียบ เสียเปรียบ จากการเสนอราคาที่สับสน ไม่ตรงกัน หรือจงใจผิดพลาดโดยบริสุทธ์ใจ
-ช่วยลดปัญหาข้อขัดแย้งให้กับทุกๆฝ่าย ไม่ต้องทะเลาะกันมั่ว ด้วยเหตุแห่งความไม่ชัดเจนในรายการงานว่า อันไหนรวม ไม่รวมในราคางาน เผลอคิดตก หก หล่น โดยไม่ได้เจตนา
-ช่วยให้เจ้าของบ้าน เจ้าของงาน ต่อรองราคาผู้เสนอราคางาน ได้โดยสะดวกขึ้น (อันนี้สำคัญมากกกก ขอบอก ท่านเจ้าของอมยิ้มเลย..หุๆชอบใจสิท่าน)
ดังนั้นทั้งหลายทั้งปวง จะเห็นได้ว่าการเขียนเอกสาร B.O.Q หรือรายการปริมาณงาน(Bill Of Quantity) นั้น ได้ประโยชน์กันทุกฝ่าย ยกเว้น ผู้ออกแบบบางรายข้างต้นที่ผมบอก คือขี้เกียจ ทำไม่ทัน ไม่มีเวลา....และค่าแบบถูกมาก ไม่คุ้ม....เข้าใจตรงกันนะครับ ท่านทั้งหลาย อย่าไปบีบค่าออกแบบ นักออกแบบตกแต่งภายใน กันนักเลยครับ ค่ากระดาษอีกตั้งหลายแผ่น ที่ท่านเจ้าของบ้านมองไม่เห็น..ผมไม่ได้ประชดเลยนะครับ 555
เชื่อหรือไม่ครับ ใครที่เป็นนักศึกษาเรียนเกี่ยวกับการ "ออกแบบตกแต่งภายใน" สมัยผมเรียนนั้นไม่มีการสอนว่าต้องมีการเขียน B.O.Q ประกอบงานเขียน ออกแบบตกแต่งภายใน กันนะครับ ผมมาเรียนรู้ได้เอาหลังจากจบมาทำงานได้สักสองปีหลังจากนั้นว่า เอ้อ..! เจ้าเอกสารประกอบแบบตกแต่งภายในตัวนี้มันมีความสำคัญกับ ผู้ออกแบบ ผู้รับเหมางานตกแต่ง และท่านเจ้าของงาน เจ้าของบ้านทั้งหลายมากที่เดียว มาดูกันนะครับ..(ใครที่รู้แล้วก็อย่าหาว่าผมพูดทำไมเลยครับ ผมว่าอย่างน้อยก็เป็นวิทยาทานให้กับน้องๆนักศึกษา และท่านเจ้าของบ้านตาดำๆ และผู้รับเหมาตกแต่งจำนวนมาก ก็คงเห็นด้วยกับผมเหล่ะครับ เพราะมี นักออกแบบตกแต่งภายใน หลายๆท่าน หน้าใหม่อาจไม่รู้ หน้าเก่าต้องรู้ แต่ไม่มีเวลาเขียน ขี้เกียจเขียน เขียนไม่ทัน ก็ว่ากันไป)

จุดประสงค์ก็คือ เพื่อให้ผู้รับเหมางานตกแต่งภายใน (ที่อาจจะมีมากกว่าหนึ่งราย และแม้ว่าจะมีแค่รายเดียว ก็ควรเขียนขึ้นมา) ซึ่งไม่ได้เป็นผู้ออกแบบ ได้ทราบว่าจะต้องคิดราคาเพื่อเสนอเจ้าของบ้านว่ามีอะไรบ้าง โดยไม่สับสน ไม่หลงแบบ หลงรายการ และหลงประเด็น
ประโยชน์โดยตรงกับทุกๆฝ่ายก็คือ
-หากมีผู้เสนอราคางานมากกว่าหนึ่งราย ทั้งผู้ออกแบบ และเจ้าของบ้าน สามารถเปรียบเทียบรายการงาน ราคา แต่ละรายการได้โดยง่าย ไม่สับสนอลหม่านกันไป
-สามารถเห็นความแตกต่าง หรือผิดปกติในผู้เสนอราคาแต่ละเจ้าได้ง่าย เช่นบ่อยครั้งที่เสนอจำนวนพื้นที่มาต่างกันมากไป
-ผู้เสนอราคาแต่ละราย จะได้ลดทอนความได้เปรียบ เสียเปรียบ จากการเสนอราคาที่สับสน ไม่ตรงกัน หรือจงใจผิดพลาดโดยบริสุทธ์ใจ
-ช่วยลดปัญหาข้อขัดแย้งให้กับทุกๆฝ่าย ไม่ต้องทะเลาะกันมั่ว ด้วยเหตุแห่งความไม่ชัดเจนในรายการงานว่า อันไหนรวม ไม่รวมในราคางาน เผลอคิดตก หก หล่น โดยไม่ได้เจตนา
-ช่วยให้เจ้าของบ้าน เจ้าของงาน ต่อรองราคาผู้เสนอราคางาน ได้โดยสะดวกขึ้น (อันนี้สำคัญมากกกก ขอบอก ท่านเจ้าของอมยิ้มเลย..หุๆชอบใจสิท่าน)
ดังนั้นทั้งหลายทั้งปวง จะเห็นได้ว่าการเขียนเอกสาร B.O.Q หรือรายการปริมาณงาน(Bill Of Quantity) นั้น ได้ประโยชน์กันทุกฝ่าย ยกเว้น ผู้ออกแบบบางรายข้างต้นที่ผมบอก คือขี้เกียจ ทำไม่ทัน ไม่มีเวลา....และค่าแบบถูกมาก ไม่คุ้ม....เข้าใจตรงกันนะครับ ท่านทั้งหลาย อย่าไปบีบค่าออกแบบ นักออกแบบตกแต่งภายใน กันนักเลยครับ ค่ากระดาษอีกตั้งหลายแผ่น ที่ท่านเจ้าของบ้านมองไม่เห็น..ผมไม่ได้ประชดเลยนะครับ 555
วันพฤหัสบดีที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558
เชื่อหรือไม่ "สถาปนิกออกแบบตกแต่งภายใน" พูดคุยแต่เนิ่นๆ ช่วยท่านประหยัดงบได้เยอะกว่าค่าออกแบบ อีกครับ..?
ผมมีประสบการณ์ "ออกแบบภายในบ้าน" ที่หลายครั้งพบว่า ท่านเจ้าของบ้านต้องเสียเงินซ้ำซ้อนไปกับ ค่ารื้อถอน ทุบทิ้ง วัสดุอุปกรณ์ที่ไม่ชอบ ไม่ต้องการ ไม่สวยงาม เป็นหลักหมื่นจนเหยียบหลักแสนก็เคยมีนะครับ เช่น รื้อฝ้าเพดานเพื่อเจาะช่องทำหลุมฝ้าใหม่ ทุบผนังบางผนังทิ้งเนื่องจาก พื้นที่ไม่เหมาะกับการใช้งาน หรือทุบสกัดผนัง เพื่อย้าย เดินเพิ่มตำแหน่งปลั๊กสวิทช์ไฟ หรือรื้อ Wall Paper ที่ทางโครงการแถมให้มา แต่ไร้คุณภาพ หรือลายไม่สวยงาม แบบพื้นๆเกินไป สีไม่ถูกใจ หรือบางบ้านที่ผนังทาสีไม่ติด Wall Paper แต่ต้องมาทาสีทับใหม่ อันเนื่องมาจาก การติดตั้งแอร์ หรือติดตั้งงานเฟอร์นิเจอร์ Built In (บางท่านอาจคิดว่า อ้าว!..ก็ให้ช่างรับผิดชอบไปสิ! แล้วท่านคิดว่า ช่างเขาจะไม่คิดบวกเข้าไปในราคางานกับท่านหรือครับ?) และพื้นไม้ลามิเนตที่โครงการแถมมาให้ คุณภาพยอบแยบ ย่างเท้าทีสะดุ้ง ลายไม่ถูกใจ ก็ต้องถูกรื้อ ทั้งหมดนี้รวมๆแล้ว บางครั้งค่ารื้อถอนนี่ แพงกว่าค่าออกแบบเสียอีก ทำเป็นเล่นไปครับ
เรื่องแบบนี้ป้องกันได้ครับ ถ้าท่านเรียนรู้ไว้ก่อน นั่นคือขั้นตอนการคุยรายละเอียดกับ "สถาปนิกออกแบบตกแต่งภายใน" หรือว่า "Interior Designer" ในช่วงที่บ้านหรืออาคารยังก่อสร้างอยู่ครับ ผมจะไล่ให้ดูเป็นลักษณะของชนิดที่พักอาศัยก่อนนะครับ
ยอดฮิตเลย..คือ"คอนโดมิเนียม" หรือ "บ้านจัดสรรค์" นั่นเอง เวลาท่านไปซื้อห้องชุดใน"คอนโดมิเนียม" หรือ "บ้านจัดสรรค์"ไม่ว่าจะราคาถูกแพงก็ตาม โดยมากทางโครงการจะระบุ วัสดุอุปกรณ์มาตรฐานของบ้านมาให้ เช่น พื้นไม้ กระเบื้อง ไฟฟ้า ดวงโคม สุขภัณฑ์ สีผนัง ตู้เสื้อผ้า ชุดครัว บลาๆๆ สิ่งเหล่านี้ถ้าเราวางแผนให้ดี ตัดสินใจให้ชัดเจนแต่แรกตั้งแต่เริ่มซื้อ "คอนโดมิเนียม" หรือ "บ้านจัดสรรค์" เราสามารถคุยต่อรองกับทางโครงการผู้ขายได้ครับ โดยส่วนมากเขาจะยอมให้เปลี่ยนแปลง ลดเพิ่มรายละเอียดได้ครับ ยกเว้นโครงการที่มีราคาถูกจริงๆ อาจจะไม่ยอมเพื่อความสะดวกของเขาครับ เพียงแต่ว่า...ส่วนมากแล้ว ถ้าเป็นรายการลดทอน เขาจะคืนเป็นเงินค่าของให้เราค่อนข้างน้อย แต่..บอกได้เลยครับว่า ดีกว่ามาเสียค่ารื้อถอน ให้เสียหาย ลามวุ่นวายในภายหลังครับ โดยที่รายละเอียดเหล่านี้ ควรผ่านการพูดคุยปรึกษากับ "สถาปนิกออกแบบตกแต่งภายใน" ตั้งแต่ตัดขั้นตอนสินใจซื้อและสรุปเลือกแบบบ้าน หรือห้องชุดแล้ว และชัดเจนว่า ต้องการใช้งาน "สถาปนิกออกแบบตกแต่งภายใน" ให้เข้ามาช่วยดูช่วยเลือกตั้งแต่เห็นแบบแปลนบ้าน หรือห้องเลยครับ (แต่ต้องพูดคุยกับผู้ออกแบบตกแต่งภายในแล้วนะครับ ในรายละเอียดการออกแบบภายในแล้วด้วยนะครับ อาจจะยังไม่ 100 % ก็ไม่เป็นไรครับ แต่ควรให้ใกล้เคียงที่สุด)
อันดับแรกเลยครับ แบบแปลนห้อง จะกั้นจะยกเลิกผนังบริเวณใดคิดให้ดีครับ สีผนัง หรือ Wall Paper ถ้าท่านมีงบใช้ของดี หรือใช้งานดีไซน์ ตรงนี้แนะนำให้ ยกเลิกเหลือแค่เก็บงานทาสีรองพิ้นเลยครับ ที่เหลือไว้ให้งานออกแบบจัดการให้ดีกว่าครับ
อันดับต่อมา จุดตำแหน่งสวิทช์ ปลั๊กไฟ ดวงโคมส่องสว่าง แอร์จะลดจะเพิ่ม จะย้าย ดูให้ดีในช่วงที่กำลังออกแบบภายใน ให้ผู้ออกแบบภายใน ทำตรงนี้ให้ทันกับเดทไลน์งานก่อสร้างได้ครับ
อันดับต่อมา ห้องน้ำครับ ส่วนมากที่เจอบ่อยๆเลยคือการยกเลิกอ่างอาบน้ำเป็นส่วนยืนอาบครับ และก็การเลือกแบบกระเบื้อง
ต่อมาก็ชุดครัวและตู้เสื้อผ้าครับ เดี๋ยวนี้มักจะแถมมาให้ด้วย แต่ดูให้ดีครับว่ารับได้หรือไม่ ทั้งวัสดุและอุปกรณ์ ยกเลิกได้ครับ
ถัดมาก็เป็นเรื่องพิ้นครับ จะเอาไม้จริง ไม้ปาร์เก้ หิน กระเบื้อง เอาให้แน่ครับ
สุดท้าย ฝ้าเพดานครับ ออกแบบภายในให้เสร็จก่อนครับ ว่าจะมีหลุม มีซ่อนไฟ จะเจาะจะเหลี่ยม จะกลม เอาให้แน่ชัดก่อนดีกว่ามารื้อทีหลังครับ
โดยสรุปก็ประมาณนี้ครับ ส่วนรายละเอียดแต่ละที่แต่ละโครงการ อาจจะยืดหยุ่นให้ท่าน มากน้อยไม่เท่ากันก็ว่ากันไปครับ ส่วนท่านที่จ้างผู้รับเหมาก่อสร้างสร้างบ้านให้ จะโดยสถาปนิก หรือสถาปนึก (คือ ท่านหรือผู้รับเหมา หรือเจ้าหน้าที่เขต นึกให้ท่าน) จะง่ายกว่าครับ ในการที่จะเลือกสรุป เอาหรือไม่เอา วัสดุอุปกรณ์ที่ว่ามาทั้งหมด โดยผ่านการปรึกษษากับผู้ออกแบบภายในครับ ช่วยท่านประหยัดได้มากว่า ค่าออกแบบจริงๆนะครับ
เรื่องแบบนี้ป้องกันได้ครับ ถ้าท่านเรียนรู้ไว้ก่อน นั่นคือขั้นตอนการคุยรายละเอียดกับ "สถาปนิกออกแบบตกแต่งภายใน" หรือว่า "Interior Designer" ในช่วงที่บ้านหรืออาคารยังก่อสร้างอยู่ครับ ผมจะไล่ให้ดูเป็นลักษณะของชนิดที่พักอาศัยก่อนนะครับ
ยอดฮิตเลย..คือ"คอนโดมิเนียม" หรือ "บ้านจัดสรรค์" นั่นเอง เวลาท่านไปซื้อห้องชุดใน"คอนโดมิเนียม" หรือ "บ้านจัดสรรค์"ไม่ว่าจะราคาถูกแพงก็ตาม โดยมากทางโครงการจะระบุ วัสดุอุปกรณ์มาตรฐานของบ้านมาให้ เช่น พื้นไม้ กระเบื้อง ไฟฟ้า ดวงโคม สุขภัณฑ์ สีผนัง ตู้เสื้อผ้า ชุดครัว บลาๆๆ สิ่งเหล่านี้ถ้าเราวางแผนให้ดี ตัดสินใจให้ชัดเจนแต่แรกตั้งแต่เริ่มซื้อ "คอนโดมิเนียม" หรือ "บ้านจัดสรรค์" เราสามารถคุยต่อรองกับทางโครงการผู้ขายได้ครับ โดยส่วนมากเขาจะยอมให้เปลี่ยนแปลง ลดเพิ่มรายละเอียดได้ครับ ยกเว้นโครงการที่มีราคาถูกจริงๆ อาจจะไม่ยอมเพื่อความสะดวกของเขาครับ เพียงแต่ว่า...ส่วนมากแล้ว ถ้าเป็นรายการลดทอน เขาจะคืนเป็นเงินค่าของให้เราค่อนข้างน้อย แต่..บอกได้เลยครับว่า ดีกว่ามาเสียค่ารื้อถอน ให้เสียหาย ลามวุ่นวายในภายหลังครับ โดยที่รายละเอียดเหล่านี้ ควรผ่านการพูดคุยปรึกษากับ "สถาปนิกออกแบบตกแต่งภายใน" ตั้งแต่ตัดขั้นตอนสินใจซื้อและสรุปเลือกแบบบ้าน หรือห้องชุดแล้ว และชัดเจนว่า ต้องการใช้งาน "สถาปนิกออกแบบตกแต่งภายใน" ให้เข้ามาช่วยดูช่วยเลือกตั้งแต่เห็นแบบแปลนบ้าน หรือห้องเลยครับ (แต่ต้องพูดคุยกับผู้ออกแบบตกแต่งภายในแล้วนะครับ ในรายละเอียดการออกแบบภายในแล้วด้วยนะครับ อาจจะยังไม่ 100 % ก็ไม่เป็นไรครับ แต่ควรให้ใกล้เคียงที่สุด)
อันดับแรกเลยครับ แบบแปลนห้อง จะกั้นจะยกเลิกผนังบริเวณใดคิดให้ดีครับ สีผนัง หรือ Wall Paper ถ้าท่านมีงบใช้ของดี หรือใช้งานดีไซน์ ตรงนี้แนะนำให้ ยกเลิกเหลือแค่เก็บงานทาสีรองพิ้นเลยครับ ที่เหลือไว้ให้งานออกแบบจัดการให้ดีกว่าครับ
อันดับต่อมา จุดตำแหน่งสวิทช์ ปลั๊กไฟ ดวงโคมส่องสว่าง แอร์จะลดจะเพิ่ม จะย้าย ดูให้ดีในช่วงที่กำลังออกแบบภายใน ให้ผู้ออกแบบภายใน ทำตรงนี้ให้ทันกับเดทไลน์งานก่อสร้างได้ครับ
อันดับต่อมา ห้องน้ำครับ ส่วนมากที่เจอบ่อยๆเลยคือการยกเลิกอ่างอาบน้ำเป็นส่วนยืนอาบครับ และก็การเลือกแบบกระเบื้อง
ต่อมาก็ชุดครัวและตู้เสื้อผ้าครับ เดี๋ยวนี้มักจะแถมมาให้ด้วย แต่ดูให้ดีครับว่ารับได้หรือไม่ ทั้งวัสดุและอุปกรณ์ ยกเลิกได้ครับ
ถัดมาก็เป็นเรื่องพิ้นครับ จะเอาไม้จริง ไม้ปาร์เก้ หิน กระเบื้อง เอาให้แน่ครับ
สุดท้าย ฝ้าเพดานครับ ออกแบบภายในให้เสร็จก่อนครับ ว่าจะมีหลุม มีซ่อนไฟ จะเจาะจะเหลี่ยม จะกลม เอาให้แน่ชัดก่อนดีกว่ามารื้อทีหลังครับ
โดยสรุปก็ประมาณนี้ครับ ส่วนรายละเอียดแต่ละที่แต่ละโครงการ อาจจะยืดหยุ่นให้ท่าน มากน้อยไม่เท่ากันก็ว่ากันไปครับ ส่วนท่านที่จ้างผู้รับเหมาก่อสร้างสร้างบ้านให้ จะโดยสถาปนิก หรือสถาปนึก (คือ ท่านหรือผู้รับเหมา หรือเจ้าหน้าที่เขต นึกให้ท่าน) จะง่ายกว่าครับ ในการที่จะเลือกสรุป เอาหรือไม่เอา วัสดุอุปกรณ์ที่ว่ามาทั้งหมด โดยผ่านการปรึกษษากับผู้ออกแบบภายในครับ ช่วยท่านประหยัดได้มากว่า ค่าออกแบบจริงๆนะครับ
วันอังคารที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2558
สงสัยกันรึเปล่าครับ..ทำไมราคางานช่างเฟอร์นิเจอร์แต่ละเจ้าถึงแตกต่างกันมาก?
"คนรักบ้าน"ทั้งหลายครับ....เคยสงสัยกันบ้างรึเปล่าครับ..ทำไมราคางานช่างเฟอร์นิเจอร์แต่ละเจ้า แม้ว่าจะมีแบบให้คิดราคาแบบเดียวกัน ทำไมราคาที่แต่ละเจ้าเสนอมา ถึงแตกต่างกันมาก?
บ่อยครั้งมากครับ ที่ผม หรือบรรดา "สถาปนิก ออกแบบตกแต่งภายใน" ทั้งหลาย เมื่อทำการเขียนแบบแสดงรายการออกแบบเสร็จแล้ว (พวกผมเรียกว่า Working Drawing) เมื่อนำไปให้ "ผู้รับเหมางานตกแต่งภายใน" สองสามเจ้า ประเมิณราคา กลับพบว่าราคาเฟอร์นิเจอร์ เช่นตู้บางรายการ กลับมีราคาที่แตกต่างจากผู้รับเหมาเจ้าอื่นเป็นอย่างมาก นี่ขนาดเป็นแบบมีมาตรฐานการเขียน และออกแบบ นะครับ นับประสาอะไรกับการประเมิณราคาแบบนั่งเทียน ที่ไม่มีแบบที่ชัดเจน ไม่มีการระบุสเป็คจากนักออกแบบ หรืองานชี้นิ้วสั่งเอา จิ้มเอาจากแม๊กกาซีน "คนรักบ้าน"หลายๆท่านจึงเลือกที่จะใช้เจ้าที่ถูกที่สุดเป็นผู้ชี้ชะตากรรมบ้านของตัวเอง...แต่ช้าก่อนครับ ลองมาดูกันครับว่า...มีปัจจัยอะไรบ้างที่หลบซ่อนอยู่ในราคางานเฟอร์นิเจอร์เหล่านั้น?
ปัจจุบัน ราคางานเฟอร์นิเจอร์บิ้วอิน ที่"ผู้รับเหมางานตกแต่งภายใน" ส่วนมาก คิดราคากันแบบคร่าวๆหยาบๆ ที่ตู้ความสูง 2.50 เมตร ถูกแพงขึ้นอยู่กับแบบและวัสดุที่ใช้ โดยมีตั้งแต่ความยาว เมตรละ 20,000-35,000 บาทปลายๆ (เกินกว่านี้ต้องเป็นหน้าบานตู้ปิดทองคำเปลวแล้วละครับ) ปัจจัยที่มีผลต่อราคาที่แตกต่างมีสองอย่างครับ คือ 1.ปัจจัยที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า และ 2.ปัจจัยที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า (ไม่ถึงกับต้องใช้ญาณทิพย์ กันหรอกครับท่านผู้อ่าน)
1.ปัจจัยที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า มีอะไรบ้างครับ
-โครงไม้ที่แบกรับน้ำหนักวัสดุปิดผิวภายนอกต่างๆครับ มีสารพัด หลายเกรด หลายราคา หลายคุณภาพ (เอาไว้ค่อยขยายความนะครับ ยาววว) ท่านจะเห็นได้ตอนก่อนที่ช่างไม้ เขาจะยึดตู้เข้าที่ผนัง หลังจากนั้นท่านจะมองไม่เห็น (โปรดระวัง!!! ระยะการวางโครงไม้ และขนาดของโครงไม้ มีผลต่อการรับน้ำหนักครับ)
-วัสดุปิดผิวภายนอก เช่นไม้อัดโชว์ลายไม้ (ไม้แต่ละสายพันธ์ราคาไม่เท่ากัน ความหนาไม่เท่ากัน) ไม้อัดโป๊วขัดเรียบทำสีพ่นเฟอร์นิเจอร์ (เงามาก เงาน้อย พ่นเรียบมาก เรียบน้อย ราคาย่อมไม่เท่ากัน) หลายๆครั้งช่างมักจะเสนอไม้ MDF หรือ ไม้ Particle Board ในการทำสีพ่น (สงสัยรายละเอียด ให้กลับไปอ่านหน้านี้ครับ http://designatelierinterior.blogspot.com/2015/01/sb-index.html )
-วัสดุประกอบในงานอื่นๆเช่น โลหะ กระจก สีพิเศษ บลาๆๆ
-บานพับเฟอร์นิเจอร์ มีราคาตั้งแต่ ตัวละไม่กี่สิบบาท จนถึงตัวละ เป็นร้อยหรือหลายๆร้อย แม้แต่ยี่ห้อเดียวกัน ยังมีแบ่งชั้นวรรณะในการขายเลยครับ ท่านลองเปรียบมวยในรูปดูละกันครับ


-รางเลื่อนลิ้นชัก เช่นกันครับ มีราคาตั้งแต่ ตัวละไม่กี่สิบบาท จนถึงตัวละ เป็นร้อยหรือหลายๆร้อยบาทครับ ไม่ต้องบอกนะครับตัวไหนถูกแพงกว่ากัน
.jpg)
-มือจับเฟอร์นิเจอร์ เช่นกันครับ มีราคาตั้งแต่ ตัวละไม่กี่สิบบาท จนถึงตัวละ เป็นร้อยหรือหลายๆร้อยบาทครับ (ที่ถูกต้อง ผู้ออกแบบจะกำหนดราคาเฉลี่ยต่ออัน หรือเลือกระบุรุ่นที่ชัดเจนให้เลย และกำหนดตำแหน่งที่สวยงามในการติดตั้งให้ ไม่ควรให้ช่างเลือก และติดตั้งเองโดยไม่ปรึกษาผู้ออกแบบก่อนนะครับ เชื่อหรือไม่ครับว่า แค่ตำแหน่งที่ติดไม่ถูกต้อง ก็ทำให้ตู้เฟอร์นิเจอร์ของคุณดูโบราณไปในบัดดลกันทีเดียวเชียว ขอบอกครับ ผิดอย่างแรงงงงง)
2.ปัจจัยที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า มีอะไรบ้างครับ
-คุณภาพฝีมืองานช่างไม้ และช่างทำสีเฟอร์นิเจอร์ครับ ตรงนี้มีผลอย่างมากครับ (เห็นตอนจบ แก้ไม่ทันครับ หุๆ) ผมยกตัวอย่าง การกะระยะห่างระหว่างบานให้เหมาะสมและได้มุมได้ฉาก มีผลต่อความสวยงามนะครับ
-การบริหาร การจัดการ ของทีมผู้รับเหมาครับ ตรงนี้มีผลครอบคลุมทั้งเรื่องเวลา และคุณภาพงานโดยรวมครับ งานบางงานควรทำให้เสร็จภายในห้าหกเดือน กลับปรากฎว่า ยาวไปถึงปี หรือ ปีครึ่ง ผมก็เคยเจอมาแล้ว ถ้าคิดเป็นมูลค่าเงินออกมาได้นี่ หลายตังเลยครับ คือคุณเอาเวลาที่เสียไปนั่น ทำมาหาสตังค์ได้เยอะกว่านะครับ เสียทั้งคนออกแบบ เจ้าของบ้าน และผู้รับเหมา...เฮ้อ!!! และแม้กระทั่งการจัดหาวัสดุมาปกคลุมหน้างานไม่ให้เกิดความเสียหาย เช่นพื้นไม้ พื้นหิน ผนัง ของเดิม ก็เป็นต้นทุน และหากเจอทีมช่างที่ไม่ดี ก็สร้างความเสียหายให้กับ "คนรักบ้าน" ได้ครับ
"คนรักบ้าน" อย่าคิดว่าทำไม่ดี ก็ไม่รับงานนะครับ เอาเข้าจริงปัญหาที่ตามมา ค่าทะเลาะกันกับผู้รับเหมางาน นี่ไม่คุ้มกันครับเหนื่อยและเครียดไม่คุ้มครับ และการแก้ไขงานเมื่อผ่านไปขั้นตอนหนึ่งๆแล้ว ยิ่งแก้ยิ่งช้ำครับ ดังนั้นควรตัดสินใจให้ดีครับ ในการพิจารณาเลือกใช้ "ผู้รับเหมางานตกแต่งภายใน" ที่ดีก็มีเยอะ ที่ไม่ดีก็เยอะ พกดวงไว้กะตัวด้วยนะครับ จะถูกจะแพง มีโอกาสทั้งนั้นครับ ส่วนที่ผมว่าแม้กระทั่งมีแบบมาตรฐานแล้ว ยังมีหลงตีราคามาผิดแปลกเว่อร์นี่ ส่วนมากมักเกิดกับผู้รับเหมาอ่านแบบผิดพลาดซะส่วนมาก แต่ก็มีบางครั้งครับที่เกิดกับ ผู้รับเหมาเจ้า No Name ที่ไม่คุ้นเคยกับการรับงานที่มีแบบมาตรฐานควบคุม เลยคิดราคามาแบบตามใจฉัน ตายเอาดาบหน้ากันครับ คือเอางานไว้ก่อน ที่เหลือไปลุ้นเอาหลังได้งานครับ เข้าใจตามนี้นะครับ "คนรักบ้าน"
บ่อยครั้งมากครับ ที่ผม หรือบรรดา "สถาปนิก ออกแบบตกแต่งภายใน" ทั้งหลาย เมื่อทำการเขียนแบบแสดงรายการออกแบบเสร็จแล้ว (พวกผมเรียกว่า Working Drawing) เมื่อนำไปให้ "ผู้รับเหมางานตกแต่งภายใน" สองสามเจ้า ประเมิณราคา กลับพบว่าราคาเฟอร์นิเจอร์ เช่นตู้บางรายการ กลับมีราคาที่แตกต่างจากผู้รับเหมาเจ้าอื่นเป็นอย่างมาก นี่ขนาดเป็นแบบมีมาตรฐานการเขียน และออกแบบ นะครับ นับประสาอะไรกับการประเมิณราคาแบบนั่งเทียน ที่ไม่มีแบบที่ชัดเจน ไม่มีการระบุสเป็คจากนักออกแบบ หรืองานชี้นิ้วสั่งเอา จิ้มเอาจากแม๊กกาซีน "คนรักบ้าน"หลายๆท่านจึงเลือกที่จะใช้เจ้าที่ถูกที่สุดเป็นผู้ชี้ชะตากรรมบ้านของตัวเอง...แต่ช้าก่อนครับ ลองมาดูกันครับว่า...มีปัจจัยอะไรบ้างที่หลบซ่อนอยู่ในราคางานเฟอร์นิเจอร์เหล่านั้น?
ปัจจุบัน ราคางานเฟอร์นิเจอร์บิ้วอิน ที่"ผู้รับเหมางานตกแต่งภายใน" ส่วนมาก คิดราคากันแบบคร่าวๆหยาบๆ ที่ตู้ความสูง 2.50 เมตร ถูกแพงขึ้นอยู่กับแบบและวัสดุที่ใช้ โดยมีตั้งแต่ความยาว เมตรละ 20,000-35,000 บาทปลายๆ (เกินกว่านี้ต้องเป็นหน้าบานตู้ปิดทองคำเปลวแล้วละครับ) ปัจจัยที่มีผลต่อราคาที่แตกต่างมีสองอย่างครับ คือ 1.ปัจจัยที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า และ 2.ปัจจัยที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า (ไม่ถึงกับต้องใช้ญาณทิพย์ กันหรอกครับท่านผู้อ่าน)
1.ปัจจัยที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า มีอะไรบ้างครับ
-โครงไม้ที่แบกรับน้ำหนักวัสดุปิดผิวภายนอกต่างๆครับ มีสารพัด หลายเกรด หลายราคา หลายคุณภาพ (เอาไว้ค่อยขยายความนะครับ ยาววว) ท่านจะเห็นได้ตอนก่อนที่ช่างไม้ เขาจะยึดตู้เข้าที่ผนัง หลังจากนั้นท่านจะมองไม่เห็น (โปรดระวัง!!! ระยะการวางโครงไม้ และขนาดของโครงไม้ มีผลต่อการรับน้ำหนักครับ)
-วัสดุปิดผิวภายนอก เช่นไม้อัดโชว์ลายไม้ (ไม้แต่ละสายพันธ์ราคาไม่เท่ากัน ความหนาไม่เท่ากัน) ไม้อัดโป๊วขัดเรียบทำสีพ่นเฟอร์นิเจอร์ (เงามาก เงาน้อย พ่นเรียบมาก เรียบน้อย ราคาย่อมไม่เท่ากัน) หลายๆครั้งช่างมักจะเสนอไม้ MDF หรือ ไม้ Particle Board ในการทำสีพ่น (สงสัยรายละเอียด ให้กลับไปอ่านหน้านี้ครับ http://designatelierinterior.blogspot.com/2015/01/sb-index.html )
-วัสดุประกอบในงานอื่นๆเช่น โลหะ กระจก สีพิเศษ บลาๆๆ



-รางเลื่อนลิ้นชัก เช่นกันครับ มีราคาตั้งแต่ ตัวละไม่กี่สิบบาท จนถึงตัวละ เป็นร้อยหรือหลายๆร้อยบาทครับ ไม่ต้องบอกนะครับตัวไหนถูกแพงกว่ากัน
.jpg)
-มือจับเฟอร์นิเจอร์ เช่นกันครับ มีราคาตั้งแต่ ตัวละไม่กี่สิบบาท จนถึงตัวละ เป็นร้อยหรือหลายๆร้อยบาทครับ (ที่ถูกต้อง ผู้ออกแบบจะกำหนดราคาเฉลี่ยต่ออัน หรือเลือกระบุรุ่นที่ชัดเจนให้เลย และกำหนดตำแหน่งที่สวยงามในการติดตั้งให้ ไม่ควรให้ช่างเลือก และติดตั้งเองโดยไม่ปรึกษาผู้ออกแบบก่อนนะครับ เชื่อหรือไม่ครับว่า แค่ตำแหน่งที่ติดไม่ถูกต้อง ก็ทำให้ตู้เฟอร์นิเจอร์ของคุณดูโบราณไปในบัดดลกันทีเดียวเชียว ขอบอกครับ ผิดอย่างแรงงงงง)
2.ปัจจัยที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า มีอะไรบ้างครับ
-คุณภาพฝีมืองานช่างไม้ และช่างทำสีเฟอร์นิเจอร์ครับ ตรงนี้มีผลอย่างมากครับ (เห็นตอนจบ แก้ไม่ทันครับ หุๆ) ผมยกตัวอย่าง การกะระยะห่างระหว่างบานให้เหมาะสมและได้มุมได้ฉาก มีผลต่อความสวยงามนะครับ
-การบริหาร การจัดการ ของทีมผู้รับเหมาครับ ตรงนี้มีผลครอบคลุมทั้งเรื่องเวลา และคุณภาพงานโดยรวมครับ งานบางงานควรทำให้เสร็จภายในห้าหกเดือน กลับปรากฎว่า ยาวไปถึงปี หรือ ปีครึ่ง ผมก็เคยเจอมาแล้ว ถ้าคิดเป็นมูลค่าเงินออกมาได้นี่ หลายตังเลยครับ คือคุณเอาเวลาที่เสียไปนั่น ทำมาหาสตังค์ได้เยอะกว่านะครับ เสียทั้งคนออกแบบ เจ้าของบ้าน และผู้รับเหมา...เฮ้อ!!! และแม้กระทั่งการจัดหาวัสดุมาปกคลุมหน้างานไม่ให้เกิดความเสียหาย เช่นพื้นไม้ พื้นหิน ผนัง ของเดิม ก็เป็นต้นทุน และหากเจอทีมช่างที่ไม่ดี ก็สร้างความเสียหายให้กับ "คนรักบ้าน" ได้ครับ
"คนรักบ้าน" อย่าคิดว่าทำไม่ดี ก็ไม่รับงานนะครับ เอาเข้าจริงปัญหาที่ตามมา ค่าทะเลาะกันกับผู้รับเหมางาน นี่ไม่คุ้มกันครับเหนื่อยและเครียดไม่คุ้มครับ และการแก้ไขงานเมื่อผ่านไปขั้นตอนหนึ่งๆแล้ว ยิ่งแก้ยิ่งช้ำครับ ดังนั้นควรตัดสินใจให้ดีครับ ในการพิจารณาเลือกใช้ "ผู้รับเหมางานตกแต่งภายใน" ที่ดีก็มีเยอะ ที่ไม่ดีก็เยอะ พกดวงไว้กะตัวด้วยนะครับ จะถูกจะแพง มีโอกาสทั้งนั้นครับ ส่วนที่ผมว่าแม้กระทั่งมีแบบมาตรฐานแล้ว ยังมีหลงตีราคามาผิดแปลกเว่อร์นี่ ส่วนมากมักเกิดกับผู้รับเหมาอ่านแบบผิดพลาดซะส่วนมาก แต่ก็มีบางครั้งครับที่เกิดกับ ผู้รับเหมาเจ้า No Name ที่ไม่คุ้นเคยกับการรับงานที่มีแบบมาตรฐานควบคุม เลยคิดราคามาแบบตามใจฉัน ตายเอาดาบหน้ากันครับ คือเอางานไว้ก่อน ที่เหลือไปลุ้นเอาหลังได้งานครับ เข้าใจตามนี้นะครับ "คนรักบ้าน"
วันพุธที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2558
วิธีการรับงานที่แตกต่างกัน ของ "Interior Design" หรือ "สถาปนิกออกแบบตกแต่งภายใน ท่านทราบหรือไม่?
ผมเชื่อเลยครับว่า ใครที่ไม่เคย หรือแม้แต่บางท่านที่เคยว่าจ้างนักออกแบบตกแต่งภายใน หรือ "Interior Designer" มาก่อนหลายๆท่าน ไม่ทราบหรอกครับว่า มีวิธีการการรับงานของ "Interior Designer" ที่ไม่เหมือนกันในแต่ละเจ้า ต่างกันอย่างไรหรือครับ?"......มาดูกันเลยครับ
แบบแรก...(อันนี้เป็นมาตรฐานดั้งเดิมจะว่าเป็นสากลก็ว่าได้) คือรับออกแบบอย่างเดียวเพรียวๆ ไม่ใช้สลิง ไม่ใช้เอฟเฟ๊ก (อันนี้ผมเพ้อเจ้อเองครับขออภัย) คือออกแบบให้โดยคิดค่า Fee ในการออกแบบ จากงบประมาณการจัดสร้างที่ประเมิณคร่าวๆเป็นตุ๊กตา (แปลว่าสมมุตินะครับ) บนเงื่อนไขต่างๆอะไรก็ว่าไป เช่น คอยตรวจสอบงานให้เป็นระยะจน ผู้รับเหมาส่งงานงวดสุดท้าย (ตรงนี้มีหลายคนเข้าใจผิดว่า ผู้รับจ้างเป็นโฟร์แมนควบคุมงาน ประมาณว่า ต้องนั่งเฝ้าหน้างานเป็นยามเฝ้าไซต์งาน จริงๆแล้วแค่ตรวจสอบงานเป็นระยะๆ ตามแต่เงื่อนไขที่ระบุไว้ในสัญญาว่าจ้างนะครับ ส่วนโฟร์แมนคุมงาน ถ้าเป็นงานใหญ่ๆจริงๆ ทางผู้รับเหมางานจึงจะจัดหามาไว้ให้ครับ) โดยที่ทางผู้ออกแบบ เมื่อออกแบบเสร็จแล้ว จะจัดหาผู้รับเหมางานมาตีราคางาน (โดยมีรายการระบุงานที่ต้องคิดราคา หรือBOQกำกับ เอาไว้คราวหน้าผมจะเขียนเรื่องนี้ให้อ่านกันครับว่าทำไมต้องมี BOQ กำกับ) ให้ผู้ว่าจ้างเลือกพิจารณา ซักสามเจ้า มากน้อยกว่านี้แล้วแต่จะเห็นควร หรือเจ้าของงานจะจัดหามาเองทั้งหมด หรือแทรกเสริมเข้าไปบ้าง ก็ไม่ว่ากันครับ แต่มีข้อควรระวังว่า การพิจารณาคัดเลือกผู้รับเหมางาน ต้องผ่านหูผ่านตา ผ่านฝีมือกันมาบ้าง อย่าเห็นแก่ของถูกนะครับ เจ็บช้ำกันมาเยอะแล้วขอบอกครับ เมื่อได้ผู้รับเหมางานแล้ว ก็รับผิดชอบ ดูแลให้คำปรึกษา กับเจ้าของงานและผู้รับเหมาไปตามวาระ ตามโอกาส จนจบงานกันไปครับ
แบบที่สอง....คือรับออกแบบพ่วงงานรับเหมาจัดสร้างด้วย (Turnkey) ก็ตามความหมายละครับ คือขอทำงานรับเหมาให้ด้วย ไม่ต้องมีผู้รับเหมาเจ้าอื่นใดมาเอี่ยวเกี่ยวข้องกับฉัน โดบแบบนี้ยังมีแยกย่อยอีกนะครับว่า บางเจ้าเสนอมาเป็นก้อนรวมค่าออกแบบมาในงบเลยโดยไม่ระบุค่าออกแบบ เสมือนว่าออกแบบให้ฟรี (พาหลงประเด็นกันไปเยอะครับ ณ.จุดนี้) บางเจ้าแยกค่าออกแบบมาให้ดู โดยมีเงื่อนไขกำกับว่า ถ้าสุดท้ายให้ทำงานรับเหมาด้วยจะคืนค่าออกแบบเป็นส่วนลดให้ บางเจ้าก็ถ้าไม่ได้ทำงานรับเหมา ขอเก็บค่าแบบเต็มๆไป และไม่ว่าจะเสนอมาแบบไหนก็ตาม ผมขอแนะนำท่านผู้ว่าจ้างทั้งหลายเลยนะครับว่า ต้องแจงรายละเอียดในงานรับเหมามาว่า ในราคาที่เสนอมานั้น ท่านผู้ว่าจ้างได้รับปริมาณงาน แบบใด จำนวนเท่าไหร่ รวมไม่รวมอุปกรณ์ประกอบอะไร ยิ่งละเอียดยิ่งดี อาจจะหมายถึงว่าผู้รับงานเจ้านั้นไม่มั่วนะครับ ผมมีประสพการณ์ทำงานที่เคยเจอว่า รับเหมางานกัน สมมุติ 1 ล้านบาท แต่ไม่แจกแจงให้ชัดเจนว่ามีอะไรบ้าง สุดท้ายจบแบบไม่สวยครับ เพราะหาตัวกลางตัดสินไม่ได้ว่ามาตรฐานที่ควรได้คืออะไร และการที่บางเจ้านั้นรับงานแบบ Turnkey นั้น ไม่ได้หมายความว่า เจ้านั้นมีช่างงานรับเหมาเองนะครับ บางเจ้ามี บางเจ้าไม่มี แต่ก็ไม่ใช่ปัญหานะครับ ขอเพียงรายละเอียดชัดเจนว่ามีอะไรให้ท่านบ้าง
สรุปตอนจบครับ...ไม่ว่าท่านจะตัดสินใจเลือกใช้แบบไหน ตามสะดวกเลยครับ จะมีค่าแบบ ไม่มีค่าแบบ สุดท้าย...คนทำงานออกแบบ ก็ต้องมีค่าใช้จ่ายครับ (บางคนแอบคิดเอาเองว่า นักออกแบบ ไม่กินข้าว อิ่มทิพย์ 55)
แบบแรก...(อันนี้เป็นมาตรฐานดั้งเดิมจะว่าเป็นสากลก็ว่าได้) คือรับออกแบบอย่างเดียวเพรียวๆ ไม่ใช้สลิง ไม่ใช้เอฟเฟ๊ก (อันนี้ผมเพ้อเจ้อเองครับขออภัย) คือออกแบบให้โดยคิดค่า Fee ในการออกแบบ จากงบประมาณการจัดสร้างที่ประเมิณคร่าวๆเป็นตุ๊กตา (แปลว่าสมมุตินะครับ) บนเงื่อนไขต่างๆอะไรก็ว่าไป เช่น คอยตรวจสอบงานให้เป็นระยะจน ผู้รับเหมาส่งงานงวดสุดท้าย (ตรงนี้มีหลายคนเข้าใจผิดว่า ผู้รับจ้างเป็นโฟร์แมนควบคุมงาน ประมาณว่า ต้องนั่งเฝ้าหน้างานเป็นยามเฝ้าไซต์งาน จริงๆแล้วแค่ตรวจสอบงานเป็นระยะๆ ตามแต่เงื่อนไขที่ระบุไว้ในสัญญาว่าจ้างนะครับ ส่วนโฟร์แมนคุมงาน ถ้าเป็นงานใหญ่ๆจริงๆ ทางผู้รับเหมางานจึงจะจัดหามาไว้ให้ครับ) โดยที่ทางผู้ออกแบบ เมื่อออกแบบเสร็จแล้ว จะจัดหาผู้รับเหมางานมาตีราคางาน (โดยมีรายการระบุงานที่ต้องคิดราคา หรือBOQกำกับ เอาไว้คราวหน้าผมจะเขียนเรื่องนี้ให้อ่านกันครับว่าทำไมต้องมี BOQ กำกับ) ให้ผู้ว่าจ้างเลือกพิจารณา ซักสามเจ้า มากน้อยกว่านี้แล้วแต่จะเห็นควร หรือเจ้าของงานจะจัดหามาเองทั้งหมด หรือแทรกเสริมเข้าไปบ้าง ก็ไม่ว่ากันครับ แต่มีข้อควรระวังว่า การพิจารณาคัดเลือกผู้รับเหมางาน ต้องผ่านหูผ่านตา ผ่านฝีมือกันมาบ้าง อย่าเห็นแก่ของถูกนะครับ เจ็บช้ำกันมาเยอะแล้วขอบอกครับ เมื่อได้ผู้รับเหมางานแล้ว ก็รับผิดชอบ ดูแลให้คำปรึกษา กับเจ้าของงานและผู้รับเหมาไปตามวาระ ตามโอกาส จนจบงานกันไปครับ
แบบที่สอง....คือรับออกแบบพ่วงงานรับเหมาจัดสร้างด้วย (Turnkey) ก็ตามความหมายละครับ คือขอทำงานรับเหมาให้ด้วย ไม่ต้องมีผู้รับเหมาเจ้าอื่นใดมาเอี่ยวเกี่ยวข้องกับฉัน โดบแบบนี้ยังมีแยกย่อยอีกนะครับว่า บางเจ้าเสนอมาเป็นก้อนรวมค่าออกแบบมาในงบเลยโดยไม่ระบุค่าออกแบบ เสมือนว่าออกแบบให้ฟรี (พาหลงประเด็นกันไปเยอะครับ ณ.จุดนี้) บางเจ้าแยกค่าออกแบบมาให้ดู โดยมีเงื่อนไขกำกับว่า ถ้าสุดท้ายให้ทำงานรับเหมาด้วยจะคืนค่าออกแบบเป็นส่วนลดให้ บางเจ้าก็ถ้าไม่ได้ทำงานรับเหมา ขอเก็บค่าแบบเต็มๆไป และไม่ว่าจะเสนอมาแบบไหนก็ตาม ผมขอแนะนำท่านผู้ว่าจ้างทั้งหลายเลยนะครับว่า ต้องแจงรายละเอียดในงานรับเหมามาว่า ในราคาที่เสนอมานั้น ท่านผู้ว่าจ้างได้รับปริมาณงาน แบบใด จำนวนเท่าไหร่ รวมไม่รวมอุปกรณ์ประกอบอะไร ยิ่งละเอียดยิ่งดี อาจจะหมายถึงว่าผู้รับงานเจ้านั้นไม่มั่วนะครับ ผมมีประสพการณ์ทำงานที่เคยเจอว่า รับเหมางานกัน สมมุติ 1 ล้านบาท แต่ไม่แจกแจงให้ชัดเจนว่ามีอะไรบ้าง สุดท้ายจบแบบไม่สวยครับ เพราะหาตัวกลางตัดสินไม่ได้ว่ามาตรฐานที่ควรได้คืออะไร และการที่บางเจ้านั้นรับงานแบบ Turnkey นั้น ไม่ได้หมายความว่า เจ้านั้นมีช่างงานรับเหมาเองนะครับ บางเจ้ามี บางเจ้าไม่มี แต่ก็ไม่ใช่ปัญหานะครับ ขอเพียงรายละเอียดชัดเจนว่ามีอะไรให้ท่านบ้าง
สรุปตอนจบครับ...ไม่ว่าท่านจะตัดสินใจเลือกใช้แบบไหน ตามสะดวกเลยครับ จะมีค่าแบบ ไม่มีค่าแบบ สุดท้าย...คนทำงานออกแบบ ก็ต้องมีค่าใช้จ่ายครับ (บางคนแอบคิดเอาเองว่า นักออกแบบ ไม่กินข้าว อิ่มทิพย์ 55)
วันพฤหัสบดีที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2558
เฟอร์นิเจอร์ Built In ฝีมือมาตรฐานขนาดไหน? ที่ไม่ควรรับงาน!!!
พอดีวันนี้ ขอแทรกบทความที่ไม่ได้อยู่ในคิวที่จะเขียนหน่อยครับ เรื่องมีอยู่ว่า ผมได้ไปเจอกระทู้ใน Pantip กระทู้หนึ่งมา เห็นว่าน่าจะเป็นประโยชน์ต่อ "คนรักบ้าน" เลยขออนุญาติท่านเจ้าของกระทู้ นำมาเผยแพร่ให้ดูกันนะครับ ตามลิ้งค์นี้ครับ
เนื้อหามีอยู่ว่า ท่านเจ้าของกระทู้ได้ว่าจ้าง ผู้รับเหมางานตกแต่งให้ทำงานเฟอร์นิเจอร์บิ้วอิน และได้มาโพสท์ถามว่า คุณภาพงานแบบนี้ สมควรให้ช่างแก้ไขงานหรือไม่? มีเพื่อนสมาชิกมาตอบกระทู้กันหลากหลายอยู่นะครับ ส่วนใหญ่...จะบอกว่าสมควรให้แก้ไขครับ โดยเฉพาะ..ถ้ายังจ่ายเงินไม่ครบ!!!
ประเด็นที่ผมอยากจะชี้ให้เห็นคือ...?
สำหรับคนรักบ้านทั้งหลายครับ.....จากรูปที่เห็น ต้องบอกว่าเป็นผลงานที่ไม่สมควรรับงานนะครับ ไม่ว่าช่างจะอ้างเหตุผลอะไรก็ตาม (ช่างมักจะอ้างว่า งานไม่ได้ราคา ก็ทำได้แค่นี้ละครับ) ต้องชี้ให้แก้ไขนะครับ ถ้าท่านยังจ่ายเงินไม่ครบ ยิ่งต้องบอกให้แก้ครับ แต่ถ้าท่านจ่ายไปครบแล้ว คงต้องพูดจาหว่านล้อมกันดีๆละครับ
สำหรับคนรักบ้านทั้งหลายครับ.....สิ่งที่ผมอยากจะบอกเพิ่มเติมคือ....นี่เป็นตัวอย่างของหน้าที่ในการตรวจสอบงานของอาชีพ "สถาปนิกออกแบบตกแต่งภายใน" ที่จะต้องทำนอกเหนือจากการออกแบบนะครับ เจ้าของบ้านหลายๆท่าน ไม่ทราบจริงๆครับ ว่ามาตรฐานงานที่ดี อยู่ที่ตรงไหน และ เป็นอีกอย่างที่พึงระวังคือ ถ้าท่านเลือกผู้รับเหมางานผิดพลาด แล้วสั่งให้เขาแก้ไขงานหลังจากใกล้จบงานแล้ว บางกรณี มันแก้ไขยาก หรือ แก้ไปงานก็ช้ำครับ รวมถึงตัวท่านเองก็คงต้องช้ำใจครับ
สำหรับช่างและผู้รับเหมางานตกแต่งทั้งหลาย....อย่าทำลายชื่อเสียงของวงการช่าง ด้วยข้ออ้างว่า รับงานมาราคาถูก(ถึงแม้ราคาจะถูกจริงๆก็ตาม) ผมเคยเห็นผู้รับเหมางานตกแต่งภายใน หลายๆเจ้านะครับ ที่ราคาถูกแต่ฝีมือดี และราคาแพงด้วยฝีมือดีด้วย งานเยอะด้วย เพราะชื่อเสียงที่เขาสั่งสมไว้ จนเจ้าของบ้านยอมจ่ายในราคาที่แพงกว่าครับ ช่วยๆกันเถอะครับท่านทั้งหลาย
ถามงานบิ้วท์อินครับ งานแบบนี้ถือว่า ปกติไหมครับ
http://goo.gl/ajBZWPเนื้อหามีอยู่ว่า ท่านเจ้าของกระทู้ได้ว่าจ้าง ผู้รับเหมางานตกแต่งให้ทำงานเฟอร์นิเจอร์บิ้วอิน และได้มาโพสท์ถามว่า คุณภาพงานแบบนี้ สมควรให้ช่างแก้ไขงานหรือไม่? มีเพื่อนสมาชิกมาตอบกระทู้กันหลากหลายอยู่นะครับ ส่วนใหญ่...จะบอกว่าสมควรให้แก้ไขครับ โดยเฉพาะ..ถ้ายังจ่ายเงินไม่ครบ!!!
ประเด็นที่ผมอยากจะชี้ให้เห็นคือ...?
สำหรับคนรักบ้านทั้งหลายครับ.....จากรูปที่เห็น ต้องบอกว่าเป็นผลงานที่ไม่สมควรรับงานนะครับ ไม่ว่าช่างจะอ้างเหตุผลอะไรก็ตาม (ช่างมักจะอ้างว่า งานไม่ได้ราคา ก็ทำได้แค่นี้ละครับ) ต้องชี้ให้แก้ไขนะครับ ถ้าท่านยังจ่ายเงินไม่ครบ ยิ่งต้องบอกให้แก้ครับ แต่ถ้าท่านจ่ายไปครบแล้ว คงต้องพูดจาหว่านล้อมกันดีๆละครับ
สำหรับคนรักบ้านทั้งหลายครับ.....สิ่งที่ผมอยากจะบอกเพิ่มเติมคือ....นี่เป็นตัวอย่างของหน้าที่ในการตรวจสอบงานของอาชีพ "สถาปนิกออกแบบตกแต่งภายใน" ที่จะต้องทำนอกเหนือจากการออกแบบนะครับ เจ้าของบ้านหลายๆท่าน ไม่ทราบจริงๆครับ ว่ามาตรฐานงานที่ดี อยู่ที่ตรงไหน และ เป็นอีกอย่างที่พึงระวังคือ ถ้าท่านเลือกผู้รับเหมางานผิดพลาด แล้วสั่งให้เขาแก้ไขงานหลังจากใกล้จบงานแล้ว บางกรณี มันแก้ไขยาก หรือ แก้ไปงานก็ช้ำครับ รวมถึงตัวท่านเองก็คงต้องช้ำใจครับ
สำหรับช่างและผู้รับเหมางานตกแต่งทั้งหลาย....อย่าทำลายชื่อเสียงของวงการช่าง ด้วยข้ออ้างว่า รับงานมาราคาถูก(ถึงแม้ราคาจะถูกจริงๆก็ตาม) ผมเคยเห็นผู้รับเหมางานตกแต่งภายใน หลายๆเจ้านะครับ ที่ราคาถูกแต่ฝีมือดี และราคาแพงด้วยฝีมือดีด้วย งานเยอะด้วย เพราะชื่อเสียงที่เขาสั่งสมไว้ จนเจ้าของบ้านยอมจ่ายในราคาที่แพงกว่าครับ ช่วยๆกันเถอะครับท่านทั้งหลาย
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)