บ่อยครั้งมากครับ ที่ผม หรือบรรดา "สถาปนิก ออกแบบตกแต่งภายใน" ทั้งหลาย เมื่อทำการเขียนแบบแสดงรายการออกแบบเสร็จแล้ว (พวกผมเรียกว่า Working Drawing) เมื่อนำไปให้ "ผู้รับเหมางานตกแต่งภายใน" สองสามเจ้า ประเมิณราคา กลับพบว่าราคาเฟอร์นิเจอร์ เช่นตู้บางรายการ กลับมีราคาที่แตกต่างจากผู้รับเหมาเจ้าอื่นเป็นอย่างมาก นี่ขนาดเป็นแบบมีมาตรฐานการเขียน และออกแบบ นะครับ นับประสาอะไรกับการประเมิณราคาแบบนั่งเทียน ที่ไม่มีแบบที่ชัดเจน ไม่มีการระบุสเป็คจากนักออกแบบ หรืองานชี้นิ้วสั่งเอา จิ้มเอาจากแม๊กกาซีน "คนรักบ้าน"หลายๆท่านจึงเลือกที่จะใช้เจ้าที่ถูกที่สุดเป็นผู้ชี้ชะตากรรมบ้านของตัวเอง...แต่ช้าก่อนครับ ลองมาดูกันครับว่า...มีปัจจัยอะไรบ้างที่หลบซ่อนอยู่ในราคางานเฟอร์นิเจอร์เหล่านั้น?
ปัจจุบัน ราคางานเฟอร์นิเจอร์บิ้วอิน ที่"ผู้รับเหมางานตกแต่งภายใน" ส่วนมาก คิดราคากันแบบคร่าวๆหยาบๆ ที่ตู้ความสูง 2.50 เมตร ถูกแพงขึ้นอยู่กับแบบและวัสดุที่ใช้ โดยมีตั้งแต่ความยาว เมตรละ 20,000-35,000 บาทปลายๆ (เกินกว่านี้ต้องเป็นหน้าบานตู้ปิดทองคำเปลวแล้วละครับ) ปัจจัยที่มีผลต่อราคาที่แตกต่างมีสองอย่างครับ คือ 1.ปัจจัยที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า และ 2.ปัจจัยที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า (ไม่ถึงกับต้องใช้ญาณทิพย์ กันหรอกครับท่านผู้อ่าน)
1.ปัจจัยที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า มีอะไรบ้างครับ
-โครงไม้ที่แบกรับน้ำหนักวัสดุปิดผิวภายนอกต่างๆครับ มีสารพัด หลายเกรด หลายราคา หลายคุณภาพ (เอาไว้ค่อยขยายความนะครับ ยาววว) ท่านจะเห็นได้ตอนก่อนที่ช่างไม้ เขาจะยึดตู้เข้าที่ผนัง หลังจากนั้นท่านจะมองไม่เห็น (โปรดระวัง!!! ระยะการวางโครงไม้ และขนาดของโครงไม้ มีผลต่อการรับน้ำหนักครับ)
-วัสดุปิดผิวภายนอก เช่นไม้อัดโชว์ลายไม้ (ไม้แต่ละสายพันธ์ราคาไม่เท่ากัน ความหนาไม่เท่ากัน) ไม้อัดโป๊วขัดเรียบทำสีพ่นเฟอร์นิเจอร์ (เงามาก เงาน้อย พ่นเรียบมาก เรียบน้อย ราคาย่อมไม่เท่ากัน) หลายๆครั้งช่างมักจะเสนอไม้ MDF หรือ ไม้ Particle Board ในการทำสีพ่น (สงสัยรายละเอียด ให้กลับไปอ่านหน้านี้ครับ http://designatelierinterior.blogspot.com/2015/01/sb-index.html )
-วัสดุประกอบในงานอื่นๆเช่น โลหะ กระจก สีพิเศษ บลาๆๆ
-บานพับเฟอร์นิเจอร์ มีราคาตั้งแต่ ตัวละไม่กี่สิบบาท จนถึงตัวละ เป็นร้อยหรือหลายๆร้อย แม้แต่ยี่ห้อเดียวกัน ยังมีแบ่งชั้นวรรณะในการขายเลยครับ ท่านลองเปรียบมวยในรูปดูละกันครับ
-รางเลื่อนลิ้นชัก เช่นกันครับ มีราคาตั้งแต่ ตัวละไม่กี่สิบบาท จนถึงตัวละ เป็นร้อยหรือหลายๆร้อยบาทครับ ไม่ต้องบอกนะครับตัวไหนถูกแพงกว่ากัน
-มือจับเฟอร์นิเจอร์ เช่นกันครับ มีราคาตั้งแต่ ตัวละไม่กี่สิบบาท จนถึงตัวละ เป็นร้อยหรือหลายๆร้อยบาทครับ (ที่ถูกต้อง ผู้ออกแบบจะกำหนดราคาเฉลี่ยต่ออัน หรือเลือกระบุรุ่นที่ชัดเจนให้เลย และกำหนดตำแหน่งที่สวยงามในการติดตั้งให้ ไม่ควรให้ช่างเลือก และติดตั้งเองโดยไม่ปรึกษาผู้ออกแบบก่อนนะครับ เชื่อหรือไม่ครับว่า แค่ตำแหน่งที่ติดไม่ถูกต้อง ก็ทำให้ตู้เฟอร์นิเจอร์ของคุณดูโบราณไปในบัดดลกันทีเดียวเชียว ขอบอกครับ ผิดอย่างแรงงงงง)
2.ปัจจัยที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า มีอะไรบ้างครับ
-คุณภาพฝีมืองานช่างไม้ และช่างทำสีเฟอร์นิเจอร์ครับ ตรงนี้มีผลอย่างมากครับ (เห็นตอนจบ แก้ไม่ทันครับ หุๆ) ผมยกตัวอย่าง การกะระยะห่างระหว่างบานให้เหมาะสมและได้มุมได้ฉาก มีผลต่อความสวยงามนะครับ
-การบริหาร การจัดการ ของทีมผู้รับเหมาครับ ตรงนี้มีผลครอบคลุมทั้งเรื่องเวลา และคุณภาพงานโดยรวมครับ งานบางงานควรทำให้เสร็จภายในห้าหกเดือน กลับปรากฎว่า ยาวไปถึงปี หรือ ปีครึ่ง ผมก็เคยเจอมาแล้ว ถ้าคิดเป็นมูลค่าเงินออกมาได้นี่ หลายตังเลยครับ คือคุณเอาเวลาที่เสียไปนั่น ทำมาหาสตังค์ได้เยอะกว่านะครับ เสียทั้งคนออกแบบ เจ้าของบ้าน และผู้รับเหมา...เฮ้อ!!! และแม้กระทั่งการจัดหาวัสดุมาปกคลุมหน้างานไม่ให้เกิดความเสียหาย เช่นพื้นไม้ พื้นหิน ผนัง ของเดิม ก็เป็นต้นทุน และหากเจอทีมช่างที่ไม่ดี ก็สร้างความเสียหายให้กับ "คนรักบ้าน" ได้ครับ
"คนรักบ้าน" อย่าคิดว่าทำไม่ดี ก็ไม่รับงานนะครับ เอาเข้าจริงปัญหาที่ตามมา ค่าทะเลาะกันกับผู้รับเหมางาน นี่ไม่คุ้มกันครับเหนื่อยและเครียดไม่คุ้มครับ และการแก้ไขงานเมื่อผ่านไปขั้นตอนหนึ่งๆแล้ว ยิ่งแก้ยิ่งช้ำครับ ดังนั้นควรตัดสินใจให้ดีครับ ในการพิจารณาเลือกใช้ "ผู้รับเหมางานตกแต่งภายใน" ที่ดีก็มีเยอะ ที่ไม่ดีก็เยอะ พกดวงไว้กะตัวด้วยนะครับ จะถูกจะแพง มีโอกาสทั้งนั้นครับ ส่วนที่ผมว่าแม้กระทั่งมีแบบมาตรฐานแล้ว ยังมีหลงตีราคามาผิดแปลกเว่อร์นี่ ส่วนมากมักเกิดกับผู้รับเหมาอ่านแบบผิดพลาดซะส่วนมาก แต่ก็มีบางครั้งครับที่เกิดกับ ผู้รับเหมาเจ้า No Name ที่ไม่คุ้นเคยกับการรับงานที่มีแบบมาตรฐานควบคุม เลยคิดราคามาแบบตามใจฉัน ตายเอาดาบหน้ากันครับ คือเอางานไว้ก่อน ที่เหลือไปลุ้นเอาหลังได้งานครับ เข้าใจตามนี้นะครับ "คนรักบ้าน"