วันจันทร์ที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2563

ค่าออกแบบตกแต่งภายใน "จ่าย หรือ ไม่จ่าย" เมื่อสมองของนักออกแบบ ถูกเอาเปรียบ

                 
                     Interior design Fee หรือค่าธรรมเนียมการออกแบบตกแต่งภายใน หรือเรียกให้ตรงๆก็คือ ค่าสมองของนักออกแบบนั่นเหล่ะครับ
                   วันนี้อยากเอาเรื่องนี้มาเล่าคุยให้ฟังเพราะ ล่าสุดคือไปเจอกระทู้ใน Facebook นักออกแบบตกแต่งภายใน บ่นกันตรึมว่า "ลูกค้าไม่ยอมจ่ายค่าแบบ" "ลูกค้าโกงค่าแบบ" "ลูกค้าบอกให้ออกแบบมาให้ดูก่อน สุดท้ายเอาแบบไปใช้โดยไม่ยอมจ่ายค่าแบบ" บลาๆๆ
                   จริงๆแล้ว ปัญหานี้ ไม่ใช่เพิ่งเกิดขึ้นนะครับ แต่มีมานานแล้วตั้งแต่เริ่มมีอาชีพนี้ในประเทศสารขันธ์แห่งนี้ และมีมาเรื่อยๆ ตลอดๆ จนผมอยากจะบอกว่า นี่เป็นสันดานเอาเปรียบของคนหลายๆคนในประเทศสารขันธ์แห่งนี้ และไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะกับอาชีพนี้นะครับ แต่เกิดกับทุกอาชีพที่เปิดช่องให้เอาเปรียบได้ คือ บางอาชีพไม่มีช่องให้เอาเปรียบได้ก็โชคดีไป เช่น แพทย์ หมอ คือยังไงก็ต้องจ่าย และยอมจ่ายครับ
                   แต่เชื่อหรือไม่ครับว่า ล่าสุดเมื่อไม่นานมานี้ ผมไปเจอลูกค้าทำบ้านหรูท่านหนึ่ง เป็นหมอหนุ่ม อายุน่าจะไม่เกิน 35 ปี ท่านบอกเลยครับว่า ผมไม่จ่ายค่าออกแบบ ถ้าคุณอยากได้งานก็ออกแบบมาก่อนแล้วถ้าผมพอใจ ก็ค่อยไปทำราคางานรับเหมามา ประมาณว่าคุณไปบวกค่าออกแบบมาในนั้นก็แล้วกัน?
                   หลายท่านไม่ทราบ ก็คงคิดว่าเออ ก็ดี ชัดเจนดีแล้วนี่ คือคิดแบบเข้าข้างคนเอาเปรียบไงครับ แต่ผมจะบอกว่า จากประสบการณ์ เคสแบบนี้คือ แปลว่า ถ้าผมอ้างว่าไม่พอใจ ไม่ถูกใจ หรือเสนอราคางานมาแล้วไม่ตรงใจท่าน ทุกอย่างคือจบ ทำงานฟรีครับ โดนกันมาเยอะแล้ว
                  หรือแม้กระทั่งหลายครั้งที่ผมเจอคือ ลูกค้าที่เป็นเคสงานออกแบบที่เป็นงานธุรกิจ งาน Commercial ทั้งหลายนี่เหล่ะครับ ลูกค้าจะบอกเลยว่า เป็นงาน Bidding งานออกแบบ ไปทำเสนอไอเดีย พร้อมราคามาแข่งกัน ซึ่งจะมีทั้งแข่งไอเดีย บวกราคาค่าออกแบบ และ แข่งไอเดีย บวกราคาค่างานรับเหมาไปด้วย ซึ่งประเด็นปัญหาคือ มันมักจะไม่มีมาตรฐานควบคุมว่า จะเอาอะไรมาเป็นตัวชี้วัดเทียบกันแต่ละเจ้า บางคนออกแบบให้อยู่ในงบประมาณที่ถูกจำกัด แบบอาจจะออกมาไม่หรูหราเว่อร์วังอลังการ แต่ไปเจอคู่แข่งออกแบบมาหรูหรา แต่ควบคุมงบประมาณไม่ได้ ทำจริงเกินงบ กว่าเจ้าของงานจะรู้ ก็ถอยไม่ได้แล้ว ทะเลาะกันภายหลัง มีบ่อยครับ
                  ประเด็นปัญหาเหล่านี้คือ เหล่านักออกแบบจะแก้ไข หรือต้องปรับตัวกันยังไง ผมยืนยันได้เลยครับ ทุกวันนี้ก็ปรับตัวกันมาเรื่อยๆครับ คือ เอาเปรียบมา ถ้าฉันไม่มีทางเลือก ฉันก็ต้องทำงานแบบซุกๆซ่อนๆค่าออกแบบ ไม่โชว?ให้เห็น ยอมให้เอาเปรียบด้วยความชอกช้ำระทมขมขื่น เป็นปัญหาที่แก้ไม่ได้ และจะเกิดขึ้นในประเทศที่ผู้คน ไม่เคารพในค่าสมอง ค่าวิชาชีพ ของคนอื่นครับ ลูกค้าก็จะได้งานที่ไม่มีคุณภาพ เพราะผู้รับเหมาก็ต้องเอาค่าออกแบบไปบวกไว้ในงานรับเหมา มันก็เป็นต้นทุนของเขาอยู่ดี เขาอยากได้งาน เขาก็ต้องแอบไปลดเสป๊คของวัสดุอุปกรณ์ ลดขั้นตอน คุณภาพลง เพราะเราไม่ชอบความตรงไปตรงมากัน
นักออกแบบทุกท่าน เขาก็มีต้นทุนงานนะครับ ไม่ได้ใช้สมองอย่างเดียว ต้องกินข้าว กินกาแฟเหมือนกันครับ ต้องพัฒนาฝีมือ ไปกับอุปกรณ์ IT โปรแกรมงานต่างๆ ต้องเรียนรู้เพิ่ม ต้องซื้อลิขสิทธ์โปรแกรม (ถ้าไม่มีทุนก็หนีไม่พ้น หาโปรพร้อมยาแก้ไอ...แค๊กๆๆๆ) เอามาทำงานพรีเซ๊นท์สวยๆให้ท่านดู ประเทศในยุโรป แค่เขาเดินทางมาดูไซต์งานท่าน เขาก็คิดค่าเสียเวลาเขาแล้วครับ นี่ของเราบางที่วัดไซต์งานอย่างเดียวก็อ๊วกแลัวครับ ไม่คิดค่าเสียเวลาซักบาท ไม่ถามถึงสุขภาพซ๊ากคำ
                   สุดท้าย อาชีพนี้ก็หนีไม่พ้น วังวนเรื่องของการตัดราคา ยอมลด ยอมซ่อนค่าวิชาชีพกัน เพื่อให้ตัวเองอยู่รอด ลูกค้าก็ได้ใจ เพราะมีคนยอมเป็นเบี้ยล่าง (แอบเอาคืนภายหลัง)
                  ก็เอวังกันไปครับ คงได้แต่บ่นๆๆๆ ผมได้แต่เชื่อในเรื่องกรรมนะครับ ท่านเอาเปรียบใครไว้ ซักวันท่านก็ต้องชดใช้ครับ แค่ท่านอาจจะมองไม่เห็น ไม่สำนึกแค่นั้นเองครับ บ่นๆไปเผื่อๆมีลูกค้าที่น่ารักเข้ามาอ่านเจอครับ อย่าดูถูกค่าวิชาชีพ ค่าสมองของนักออกแบบเลยครับ ไม่เชื่อลองหาอ่านบทความเก่าๆที่ผมเขียนดูครับ ว่ากว่าจะทำงานให้ท่านสำเร็จ มันมีข้นตอน และระยะเวลางานนานแค่ไหน บ้านท่านจะสวยงามน่าอยู่ อยู่แล้วมีแต่ความสุข ความเจริญ ท่านก็ต้องวางรากฐานมาจากความดี ไม่เอารัดเอาเปรียบผู้อื่นนะครับ คุณลูกค้าที่น่าร๊ากกก
ฝากติดตามผลงานอื่นๆด้วยนะครับ ตามด้านล่างนี้เลยครับ
If U want to see Sketchup Animation pls follow at 
ใครอยากดูแบบภาพเคลื่อนไหว Sketchup Animation งาน Interior มากกว่านี้ก็ที่นี่ครับ
Youtube Chanel: DAtelier Interior 
https://www.youtube.com/channel/UC2a_qS46gAISkLJ1byl5Y5A?view_as=subscriber
IG: datelier_interior

วันจันทร์ที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2562

แต่งคอนโด ย่านทองหล่อ สไตล์อังกฤษ ร่วมสมัย

                    วันนี้ผมเอาแบบงานตกแต่งภายใน คอนโดหรูย่านซอยทองหล่อ ของลูกค้านักเรียนนอกท่านหนึ่งซึ่งชื่นชอบงานตกแต่งในสไตล์ "English Contemporaly" มาให้ดูชมเป็นตัวอย่างกันนะครับ ก็เป็นคอนโดขนาด 1 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ แยกเป็นสัดส่วนชัดเจนกับส่วนนั่งเล่น ทานอาหาร
จากรูปภาพแบบแปลน ทางเข้าห้องจะอยู่ด้านซ้ายมือ เปิดประตูเข้ามาด้านซ้ายจะเป็นส่วน Pantry ครับ
                    มุมนี้คือมองจากระเบียงห้องไปที่หน้าประตูทางเข้า แนวทางการออกแบบก็จะเป็นการกรุผนังงานไม้ ทำสีพ่น กับปิด Wall Paper ลายทางยาวครับ
                    มุมนี้ก็จะมองจากประตูทางเข้า กลับไปที่ระเบียงห้อง ด้านซ้ายมือเป็น Pantry ต่อด้วยมุมรับประทานอาหาร ที่นังกรุกระจกเงาเจียรเหลี่ยมมุม ช่วยสะท้อนให้ห้องกว้างขึ้น
                    มาต่อที่ภายในห้องนอนครับ ห้องนอนจะไม่มีระเบียงนะครับ มุมนี้มองจากหน้าต่างเข้ามาที่ด้านใน เป็นห้องน้ำ งานออกแบบจะกรุผนังงานไม้ลูกฟัก ทำสีพ่นสีเขียวอมเทาเข้ม ที่หัวท้ายเตียง ส่วนผนังที่เหลือก็จะปิดเป็น Wll Paper สีเขียวลายทาง
                    มุมนี้มองแบบตัดเอาห้องน้ำออกนะครับ ผมเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ลอยตัว เป็นงานไม้สีเข้ม สไตล์คอนเท็มโพลารี่ เรียบๆ ผ้าม่านใช้สีครีมอมเขียวนิดหน่อย สว่างๆ จะช่วยลดความเข้มของสีเขียวลงได้ครับ หน้าห้องน้ำแขวนกรอบกระจกเงาเต็มตัวไว้ ช่วยขยายมุมมองห้องให้กว้างขึ้น
ฝากติดตามผลงานอื่นๆด้วยนะครับ ตามด้านล่างนี้เลยครับ
If U want to see Sketchup Animation pls follow at 
ใครอยากดูแบบภาพเคลื่อนไหว Sketchup Animation งาน Interior มากกว่านี้ก็ที่นี่ครับ
Youtube Chanel: DAtelier Interior 
https://www.youtube.com/channel/UC2a_qS46gAISkLJ1byl5Y5A?view_as=subscriber
IG: datelier_interior

วันจันทร์ที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2562

ฮวงจุ้ย "คอนโด ห้องไหนในแบบแปลน อยู่แล้วดี ไม่เดือดร้อนภายหลัง"

             บทความนี้ผมจะเอาประสบการณ์ในการทำงานให้กับเจ้าของห้องพักอาศัยในคอนโด และประสพการณ์ที่ผมอยู่อาศัยในคอนโดของผมเอง มาบอกเล่าให้ฟังว่า เวลาจะซื้อและเลือกตำแหน่งของห้องในอาคารชุด ปัจจัยที่มีผลกระทบกับการใช้ชีวิตในห้องนั้นๆ ในระยะยาว มีข้อควรระวัง ในการเลือกตำแหน่งของห้องในผังแบบแปลนอาคารอะไรบ้าง ที่จะทำให้ท่านอยู่โดยไม่เดือดเนื้อร้อนใจในภายหลัง อยู่อย่างมีความสุขโดยไม่ถูกสภาวะแวดล้อมรบกวน หรือถูกรบกวนให้น้อยที่สุด ท่านเลือกได้ตั้งแต่ตอนตัดสินใจครั้งแรกๆนะครับ ทั้งนี้ทั้งนั้นปัจจัยทั้งหมดที่ว่ามา มักจะผูกด้วยเงื่อนไขของผู้ขายโครงการว่าตำแหน่งที่ดี ย่อมแพงกว่าตำแหน่งที่ถูกกว่า ในขนาดพื้นที่ที่เท่ากัน แต่บางครั้ง ห้องที่แพงกว่าวิวอาจจะดีกว่า ก็อาจนำมาซึ่งปัญหาที่ท่านต้องแบกรับในภายหลังโดยท่านไม่ทราบมาก่อนก็มีครับ ลองตามมาดูกันครับ
              ข้อแรกเลยคือการเลือกชั้นของห้อง ปกติช้ันที่อยู่สูงๆ ก็จะขายแพงกว่าชั้นต่ำๆ เหตุเพราะ วิวสวยกว่า มุมมองกว้างไกลกว่า โดยเฉพาะชั้นที่สูงที่สุดคืดติดดาดฟ้าอาคาร คนที่มีกำลังจ่ายเยอะกว่าจึงมักจะเลือกชั้นสูงสุด บางอาคารก็จะขายเป็นห้องที่เรียกว่า PENTHHOUSE แต่ปัญหาที่หลายๆอาคารเจอคือ
              -ความร้อนที่เกิดจากแสงอาทิตย์โดยตรงแทบทั้งวัน ถ้าสถาปนิกออกแบบโดยไม่คิดถึงระบบป้องกันที่ดีมีหลังคา หรืออะไรก็ตามที่มาช่วยบดบังแสงอาทิตย์ ค่าไฟฟ้าที่เกิดจากการใช้เครื่องปรับอากาศจะตามมาแทนครับ ซึ่งตรงนี้เป็นปัญหาที่ไม่ต้องรอเวลาให้เนิ่นนาน คือ เจอตั้งแต่แรกอาศัยเหล่ะครับ
              -ปัญหาน้ำรั่วซึมจากดาดฟ้า หลายๆอาคารเมื่ออายุการใช้งานผ่านไปหลายปี ถึงจะเจอปัญหานี้งอกมาให้เห็น อันนี้ขึ้นอยู่กับมาตรฐานในการก่อสร้างครับบวกกับปัจจัยแวดล้อมบางประการที่ผมจะพูดถึงในข้อต่อๆไป
              -เดินกันให้เข็ด เมื่อไฟดับ หรือเกิดเพลิงไหม้ ครับใช้ลิฟท์โดยสารไม่ได้ไงครับ ยิ่งสูงยิ่งหนาวขาสั่นเลยครับ คิดดูว่าถ้าท่านอยู่ชั้น 30 จะเดินไงไหวครับ ใครไม่พร้อมรับมือข้อนี้ควรระวังครับ ถึงจะเกิดไม่บ่อย ก็ต้องคิดนะครับว่าท่านพร้อมหรือไม่
              ข้อที่สอง ห้องที่อยู่ห้องหัวมุม หรือห้องริมสุดของอาคาร ปัญหาก็จะคล้ายๆห้องชั้นบนสุดคือ เรื่องความร้อน กับน้ำรั่วซึมจากฝน ห้องริมสุดในทางโครงสร้างอาคาร จะมีรอยเชื่อมต่อของผนังอาคารกับเสาหรือคาน ซึ่งรอยต่อเหล่านี้ เมื่อผ่านร้อน ผ่านฝนมาเป็นเวลาหนึ่งๆ ก็จะเกิดรอยแตกร้าวทำให้น้ำรั่วซึมเข้าห้องได้ครับ เป็นประเด็นให้เจ้าจของห้องบางท่านใช้เป็นข้ออ้างในการไม่ยอมจ่ายค่าส่วนกลางกันมาเยอะแล้วครับ ว่าถ้านิติบุคคลไม่ซ่อมให้ ฉันก็จะไม่จ่ายค่าส่วนกลาง ส่วนเรื่องความร้อนจากแสงแดดก็คือ ห้องริมก็จะปะทะรับแสงแดดไปเต็มๆ มากกว่าห้องที่อยู่ด้านในๆครับ
              ข้อที่สาม ห้องที่อยู่ติด พื้นที่ส่วนกลาง สวน หรือติดกับสระว่ายน้ำไม่ว่าจะด้านข้าง หรืออยู่บนหัวคือไปอยู่ใต้ชั้นของพื้นที่เหล่านี้ จะมีปัญหาที่เกิดจาก
             -ความชื้น และอาจจะมีน้ำรั่วซึมได้ครับ เมื่อผ่านระยะเวลาหนึ่งๆ ซึ่งทำให้เกิดเชื้อราในห้องได้ มีปัญหาเรื่องสุขภาพโดยไม่รู้ตัว เฟอร์นิเจอร์พังเสียหาย ผนังสีร่อน
             -สัตว์เลื่อยคลานประเภท ไส้เดือน ตะขาบ มด ปลวก ที่มาจากดิน ความชื้น อ้อใครคิดว่าอยู่คอนโดสูงๆไม่มีปลวกนี่ คิดผิดถนัดนะครับ โดนมาเยอะแล้วครับ
             -ขาดความเงียบสงบ ความเป็นส่วนตัว ที่เกิดจากลูกบ้านท่านอื่นๆ ที่คอนโดผมมีลู่วิ่งอยู่ที่ชั้นดาดฟ้า ปรากฎว่า เวลามีคนตัวใหญ่ๆวิ่งออกกำลังตอนเช้าๆนี่ ถึงกับนอนไม่ได้เลยนะครับ ต้องมาฟ้องนิติบุคคลให้แก้ปัญหา
             -โอกาศในการสัมผัสกับกลิ่นบุหรี่ได้ง่ายกว่าห้องอื่นๆ ที่จริงเดี๋ยวนี้กฎหมายบังคับ ไม่ให้สูบบุหรี่ภายในอาคารพักอาศัยร่วมกัน แต่ก็ยังพบว่ามีคนบางจำพวกยังฝ่าฝืน ละเลยไม่สนใจใคร และโดยความเป็นจริงก็ยังมีหลายๆคนสูบบุหรี่ภายในห้องของตัวเอง หรือที่ระเบียง แล้วกลิ่นมันยังคงไปรบกวนห้องข้างเคียง ให้ได้รำคาญและฟ้องนิติบุคคลอยู่เรื่อยๆครับ แก้ยากครับข้อนี้
             ข้อที่สี่ ห้องที่อยู่ใกล้ลิฟท์ บันได ที่ทิ้งขยะ ทางสามแพร่งหรือสามแยกตรงทางเดินบันได อันนี้นี่ทางฮวงจุ้ยก็จะบอกว่าไม่ดีอย่างยิ่ง บ้างก็ว่าเป็นทางผีผ่าน แต่ในทางวิทาศาสตร์ มันก็คือขาดความเป็นส่วนตัว เป็นโซนที่มีความพลุกพล่านของการใช้งาน การสัญจรหนาแน่นมีเสียงรบกวนครับ
             ข้อที่ห้า ห้องที่อยู่ฝั่งเดียวกับทิศตะวันตกดิน โดยไม่มีอะไรบัง ก็จะโดนแสงแดดยามบ่าย ทำให้ร้อนระอุ อันนี้เปลืองค่าไฟหน่อยครับ
             ข้อที่หก ห้องที่อยู่ฝั่งเดียว หรือใกล้กับวัด เมรุ โบสถ์ สุเหร่า รวมถึงสถานที่อโคจรทั้งหลาย และปิ้งย่าง หมูกระทะ ท่านจะได้ยินสรรพเสียงทั้งน่าฟัง และน่าขนลุก น่ารำคาญ กลิ่นสรรพสัตว์ทั้งหลาย อันนี้ถ้าท่านรับได้ก็ไม่มีปัญหาครับ
             สรุปคร่าวๆก็จะประมาณนี้ครับ ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็ขึ้นอยู่กับการวางระบบ การออกแบบที่ดี การก่อสร้างที่ดี ของแต่ละอาคาร จริงๆการอยู่อาศัยในคอนโด มีปัญหาปลีกย่อยจุกจิก กวนใจเยอะครับ ไม่เชื่อก่อนตัดสินใจซื้อคอนโดซักห้อง ลองไปพูดคุย หรือหาอ่านข้อมูลในกูเกิ้ลดู แล้วท่านจะพบว่าลองทบทวนตัวเองดูก่อนดีกว่ามั๊ยครับ
ฝากติดตามผลงานอื่นๆด้วยนะครับ ตามด้านล่างนี้เลยครับ
If U want to see Sketchup Animation pls follow at 
ใครอยากดูแบบภาพเคลื่อนไหว Sketchup Animation งาน Interior มากกว่านี้ก็ที่นี่ครับ
Youtube Chanel: DAtelier Interior 
https://www.youtube.com/channel/UC2a_qS46gAISkLJ1byl5Y5A?view_as=subscriber
IG: datelier_interior

วันพฤหัสบดีที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2562

เมื่อ Co-Working Space รวมร่างเป็น Press Conference


"จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อ Co-Working Space รวมร่างเป็น Press Conference" หัวข้องานออกแบบตกแต่งภายใน วันนี้ เกิดขึ้นเพราะว่าผมไปได้รับโจท์จากนักการเมือง หัวก้าวหน้า ท่านหนึ่ง ที่มีความรู้สึกว่า พรรคที่ท่านสังกัดอยู่นะตอนนั้น(หุๆๆ แปลว่าตอนนี้ ไม่ได้สังกัดแล้วนะครับ)มีภาพลักษณ์ที่เป็น คนรุ่นเก่าบริหารในสายตา ปชช คนรุ่นใหม่ เลยมีความคิดว่า อยากจะปรับปรุงห้องแถลงข่าวเดิมที่มีอยู่ ซึ่งเป็นด่านแรกๆที่ ผู้คนจะมองเห็นจากสื่อต่างๆได้โดยง่ายที่สุด ให้มีภาพลักษณ์ของ คนรุ่นใหม่ๆ มีวิสัยทัศน์เมาะอย่างยิ่งที่คนรุ่นใหม่จะเลือกเข้ามาเป็นตัวแทนส่งเสียงให้ ท่านก็เลยให้ไอเดียมาว่า อยากได้ห้องแถลงข่าวที่ ปกติจะใช้งานเดือนนึง ไม่กี่ครั้ง เป็นห้องเอนกประสงค์ที่สามารถใช้เป็น Co-Working Space ได้ด้วย และเพื่อผลพวงคือ เวลาออกสื่อ คนจะได้เห็นบรรยากาศของห้องแถลงข่าวรูปแบบใหม่ๆ ที่ไม่ได้มีแต่ที่นั่งของนักข่าวเท่านั้น เพื่อสร้างภาพจำใหม่ให้กับ ปชช
นั่นเหล่ะครับที่มาของงานนี้ ไม่ยากไม่ง่ายครับ เพราะเงื่อนไขคือ "อย่าแพง และไม่ต้องไปแตะโครงสร้างเดิม ของอาคารที่เพิ่งทำพื้น ทำฝ้า ทำไฟ มาใหม่หมาดๆ" หุๆ อันนี้ผมชินแล้วครับ เงื่อนไขแบบนี้
มาดูที่แบบแปลนก่อนเลยครับ เป็นพื้นที่ขนาด 8x12 ตรม. มีประตูทางเข้าอยู่สองทางครับ แต่ผมเลือกปิดตรงตำแหน่งที่ผมวาง ตัว Back Drop เวทีครับ ให้เข้าจากประตูด้านข้างแทนจะได้มีพื้นที่ใช้งานได้เต็มที่ครับ ข้อจำกัดพื้นที่จริงๆคือ มีเสาสองต้นอยู่กลางพื้นที่ครับ เลี่ยงไม่ได้ก็เลยจัดโซนกลางเป็นเวที ซ้ายขวาเป็นพื้นที่ Co-Working Space 

พื้นที่ก่อนทำการตกแต่งโล่งๆแบบนี้ครับ
Concept ในการออกแบบ ก็จะดึงเอา Theme สีหลักๆของพรรค มาใช้เล่นสีในองค์ประกอบในงานออกแบบคือ น้ำเงิน ขาว แดง และเลือกตัวที่นั่งให้เป็นแบบเก้าอี้ที่ดูโมเดิร์นหน่อย เวลาไม่มีแถลงข่าว ก็ยกเก็บได้
ผนังด้านขวามือทาสีเทาเข้ม เพื่อเน้นให้ดูแตกแต่งมีดีไซน์เพื่อแก้เลี่ยนของผนังสีขาวโดยทั่วไปครับ ตรงกลางระหว่างสองผนัง เป็นทางเดินเข้าพื้นที่ด้านหลังซึ่งเป็นห้องไฟฟ้า กับห้อง Pantry
มุมนี้เป็นด้านขวามือของเวที ออกแบบเป็นมุมที่มีเคาน์เตอร์สูงนั่งริมหน้าต่าง และใช้โคมไฟห้อยเหนือเคาน์เตอร์ เน้นมุมนี้โดยเฉพาะ โดยรอบห้องใส่มู่ลี่แบบโรลเล่อร์ม้วนกึ่งทึบกึ่งโปร่ง
ผมออกแบบส่วน Partition เตี้ยกั้นส่วนนี้กับเวทีแบบเตี้ยๆโปร่งๆ เพื่อให้มีสัดส่วน แต่ไม่ปิดกั้น คือยังมองเห็นถึงกัน มีความเชื่อมต่อเวลามีการแถลงข่าว โดยออกแบบให้เป็นกล่องสี่เหลี่ยมผืนผ้าสีต่างๆ และเป็นกล่องทะลุ กับกล่องทึบผสมกัน ส่วนผนังห้อง Pantry ที่ของเดิมเขาแปะแผ่นยิบซั่มบอร์ดทาสีไว้ ผมเอาตัวแผ่น Plasswood เจาะฉลุลาย ทำสีขาวแปะลงบนพื้นลสมิเนตสีขาวอีกที
มุมนี้มองออกไปด้านซ้ายมือจะเป็นห้องน้ำ เลยออกแบบให้มี Partition โปร่งๆสูงจดเพดาน ทำจากแผ่น Plasswood ทำสีขาว กั้นให้ดูไม่ประเจิดประเจ้อมากนักดูเป็นสัดส่วนหน่อย
มุมด้านซ้ายมือของเวที ออกแบบให้เป็นส่วนที่นั่งสบายๆเตี้ยเอนหลังได้ เป็นแบบพล๊าสติกแข็ง บุหนังเทียม สีขาว สลับดำ เพิ่มความโมเดิร์นโดยรวม มีมุมแขวนจอทีวีบนเพดาน
ทั้งหมดนี้ เน้นการจัดวางเฟอร์นิเจอร์ลอย ที่สามารถยกเก็บ ปรับเปลี่ยนการใช้งานได้แบบเอนกประสงค์ จัดเป็นห้องประชุมขนาดย่อมๆได้เลยครับ
ฝากติดตามผลงานอื่นๆด้วยนะครับ ตามด้านล่างนี้เลยครับ
If U want to see Sketchup Animation pls follow at 
ใครอยากดูแบบภาพเคลื่อนไหว Sketchup Animation งาน Interior มากกว่านี้ก็ที่นี่ครับ
Youtube Chanel: DAtelier Interior 
https://www.youtube.com/channel/UC2a_qS46gAISkLJ1byl5Y5A?view_as=subscriber
IG: datelier_interior

วันอาทิตย์ที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2562

Review Idea "ออกแบบ ตกแต่งภายใน ร้านขายยา" ภายในอาคารพาณิชย์

               ร้านขายยาที่จะพามาดูวันนี้ ทำเลอยู่ในอาคารพาณิชย์ หรือที่เรียกว่า ตึกแถว นั่นเองครับ อยู่ย่านชานเมืองกรุงเทพแถวๆ ฝั่งธนบุรี โดยที่Conceptual Idea สำหรับการออกแบบร้านขายยาร้านนี้คือ สมัยใหม่ดูเด่นเห็นได้ง่ายจากภายนอก งบประมาณพอได้ ไม่ต้องหรู มาตรฐานคนทั่วไปกล้าเข้าร้านครับ แต่ให้ดูดีเป็นหลัก ต่างจากร้านขายยาอื่นๆ งั้นมาดูกันครับ
         แบบแปลนตัวอาคารเป็นเหมือนอาคารพาณิชย์ทั่วไป คือหน้ากว้างมาตรฐาน 4 เมตร ลึก 16 เมตร ซึ่งลึกเกินความจำเป็นใช้งานนะครับ เลยวางแบบแปลนให้ใช้งาน แค่สองล๊อก คือ 8 เมตร แล้วกั้นเป็นห้องด้านหลังมีประตูเลื่อนแบ่งแยกพื้นที่
Theme สีโดยหลักๆคือ ขาวฟ้าเขียวตามโลโก้ร้าน เริ่มจากหน้าร้านทาผนังปูนด้วยสีฟ้ากลางๆ ทำกล่องป้ายหน้าร้าน สีฟ้าเข้มเน้นๆหน่อย และกั้นแผงหน้าร้านประตูทางเข้าด้วยงานอลูมิเนียมสีขาว กรุกระจกใส
อันนี้เป็นรูปสถานที่จริง หน้าร้านก่อนตกแต่งครับ
อันนี้ภายในร้าน จะเห็นว่าเป็นเพดานสูงถึงชั้นลอย ซึ่งเกินความจำเป็นที่จะต้องมีฝ้าเพดานสูงขนาดนั้น
เข้าร้านมาก็จะเจอผนังด้านซ้าน ขวา ที่เว้นระยะติดงานกราฟฟิกเกี่ยวกับยา สีสันสดใสเพื่อให้เกิดมุมมองที่น่าสนใจจากภายนอก ดูมีอะไรมากกว่าร้านขายยาดาดๆทั่วไป ซ้ายมือวางตู้กดน้ำดื่ม สำหรับลูกค้าเมื่อซื้อยา สามารถกดทานได้เลย ฝ้าเพดานกรุเรียบ ลดระดับความสูงลง เหลือประมาณ 2.60 เมตรก็เพียงพอแล้วครับ
ถัดมาเป็นเคาน์เตอร์แคชเชียร์มุมโค้ง มีแผงกั้นกันตก และเพื่อความเป็นระเบียบ เป็นสัดส่วนตัว ต่อเชื่อมด้วยตู้เตี้ยกระจกใส ด้านหลังเคาน์เตอร์ทำเป็นตู้ Buit In งานไม้MDF ปิดผิวด้วยลามิเนตสลับสี ฟ้าเขียว ของบริษัท Wilsonart ติดป้ายชื่อแบ่งหมวดหมู่ยา ด้านบนของตู้แต่ละช่อง หน้าบานเป็นบานเปิดกระจกใส ในตู้ซ่อนไฟให้ความสว่างไว้ด้านบน
ด้านขวามือเป็นตู้ชั้นโชว์เปลือย แขวนและวางสินค้า ที่ลูกค้าสามารถหยิบจับได้เอง ทั้งหมดเป็นอุปกรณ์ที่สามารถปรับระดับได้ ของบริษัท HAFELE ตัวตู้ด้านล่างเป็นที่เก็บของ หน้าบานเลื่อนใส่กุณแจล๊อกได้ครับ เชื่อมต่อกับตู้ Built In ด้านใน จะเห็นที่วางตีจู๋เอี๊ย กับที่วางบูชาพระ ก่อนเข้าไปที่ส่วนด้านหลังร้าน เป็นพื้นที่ส่วนตัว พื้นของร้านใช้กระเบื้องแกรนิตโต้ของเดิมของอาคาร สีครีมไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรครับ
โดยรวมๆ ร้านนี้ก็จะใช้งบประมาณไปกับตัวงานตู้ Built In ค่อนข้างเยอะที่สุด ระบบไฟนิดหน่อย พื้นไม่ต้อง ก็ราคาโดยรวมอาจจะลงทุนมากกว่าร้านทั่วไปนิดหน่อย แต่ดูดีกว่ามากครับ
If U want to see Sketchup Animation pls follow at 
ใครอยากดูแบบภาพเคลื่อนไหว Sketchup Animation งาน Interior มากกว่านี้ก็ที่นี่ครับ
Youtube Chanel: DAtelier Interior 
https://www.youtube.com/channel/UC2a_qS46gAISkLJ1byl5Y5A?view_as=subscriber
IG: datelier_interior

วันอังคารที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2562

Review "ร้าน Milk Cafe-Gift & Internet สาขา2" ในตึกสำนักงาน(แบบประหยัดงบ)

                      ร้านคาเฟ่ชานมไข่มุก ร้านนี้ เป็นสาขาที่2 ต่อจากร้านเดิมที่ผมเคยนำมาลงไปแล้วครับ โดยที่คราวนี้ทำเลของร้านเป็นอาคารสำนักงานที่ เปิดเป็นโรงเรียนสอนพิเศษสำหรับเด็กนักเรียนด้วย ก็เหมาะที่จะมีร้านชานมไข่มุกมารองรับเป็นอย่างมาก โดยตำแหน่งของร้านอยู่ที่ชั้นล่างหน้าทางขึ้นลิฟท์พอดี ตรงกับประตูทางเข้าอาคาร และบันได ทำเลค่อนข้างดี แต่เสียตรงที่ตัวร้านหลบเข้ามาด้านในอาคาร ทำให้ถ้าเดินอยู่ริมถนน จะสังเกตุไม่ค่อยเห็นหน้าร้าน ผมเลยแนะนำเจ้าของร้านว่า ให้ทำป้ายกราฟฟิคสีแจ่มๆ ไปติดที่หน้าอาคารเพื่อช่วยให้คนมองเห็นครับ
               ตัวพื้นที่ตอนที่มาทำก็เป็นห้องโล่งๆ เรียบร้อยดี แต่เพดานค่อนข้างเตี้ยไปหน่อย พื้นที่ร้านเป็นตัวแอล อ้อมหลังลิฟท์ หน้าร้านเลยออกจะแคบไปหน่อยครับ อีกอย่างเจ้าของอาคารแกเล่นเอาตีจู๋เอี๊ย(เจ้าที่จีน) มาวางไว้ตรงหน้าร้านเลย ย้ายก็ไม่ได้ด้วย เลยดูแปลกๆตาอยู่ หุหุ อันนี้มองได้สองมุมนะครับ สำหรับผมคือ จะมองว่า ฮวงจุ้ยดี ก็ได้ ไม่ดีก็ได้ เพราะการที่มีเจ้าที่มาวางอยู่ในตำแหน่งที่คนต้องสัญจรไปมาเนี่ย ถ้าทำดีหมั่นดูแลกราบไหว้ ท่านก็จะให้คุณ แต่ถ้าไม่ดูแล ไม่เคารพกราบไหว้ ท่านก็อาจจะไม่ช่วยเหลือเอาได้ครับ
                                      รูปนี้เป็นหน้าร้าน ถ่ายจากสถานที่จริงหลังตกแต่งครับ
                                               ส่วนรูปนี้ภายในร้านรูปจริงหลังตกแต่งครับ
                    ตัว Conceptual Design ก็อิงจากสาขาแรกมาเกือบหมด เพื่อที่จะได้สร้างแบรนด์ให้เป็นที่จดจำได้ง่ายไปก่อนครับ โทนสีหวานๆสไตล์ K Brand

              มุมมองด้านหน้าร้านก็ไม่ได้ทำอะไรมากครับ เพราะใช้ของเดิมที่มีอยู่แล้วเพื่อประหยัดงบ แต่เสริมป้ายร้านเป็นกล่องไฟแบบแขวนผนังตรงข้างประตูทางเข้า
เมื่อเดินเข้ามาในร้านทางซ้าย วางตู้ขายของ Gift Shop K Product ศิลปินแดนกิมจิ ด้านขวาเป็นเคาน์เตอร์บริการจอ Internet แบบทัชสกรีนเนื่องจากแถวนั้นมี Hostel ให้ชาวต่างชาติมาพักเยอะครับ
ตัวผนังร้าน ใช้การทาสีชมพูนมเย็น แล้วตัดด้วยลายเส้นสีขาวสองเส้น ตรงจุดนี้ก็เป็นการใช้ลายเส้นของสี มาเล่นช่วยเรื่องการประหยัดงบได้ดีครับ
มุมด้านในส่วนหลังร้าน พื้นกับเพดานเป็นของเดิมอาคาร ไม่ได้ใส่งบลงไปทำอะไรครับ
มุมมองจากด้านในเคาน์เตอร์ มองออกไปจะเห็นประตูทางเข้าร้าน ผนังด้านขวามือ กรุด้วยแผ่น Wave Board ของ บ.POLY DEC ทำสีพ่นกึ่งๆเงานิดหน่อย 
ตัวเคาน์เตอร์เป็นงานโครงไม้ กรุปิดแผ่นลามิเนตสลับสี ปิดทับด้วยแผ่นวงกลมเลียนแบบเม็ดไข่มุกขนาดต่างๆกัน ด้านข้างมุมนี้วางตู้หนังสือให้หยิบอ่านครับ
มุมนี้ให้ดูกันชัดๆครับ

แบบแปลนโดยภาพรวมครับ มุมที่เห็นเป็นห้องกล่องขาวๆนี่คือห้องลิฟท์ของอาคารครับ
โดยรวมร้านนี้ใช้งบประมาณน้อยมากครับ มีตัววัสดุที่แพงนิดหน่อยคือเจ้าตัว Wave Bord แต่ก็ใช้ไม่มาก เพราะถ้าทาสีอย่างเดียว ตัวร้านมันจะดูเฝือไม่มีจุดเบรกดีไซน์ครับ จบแล้วครับ
If U want to see Sketchup Animation pls follow at 
ใครอยากดูแบบภาพเคลื่อนไหว Sketchup Animation งาน Interior มากกว่านี้ก็ที่นี่ครับ
Youtube Chanel: DAtelier Interior 
https://www.youtube.com/channel/UC2a_qS46gAISkLJ1byl5Y5A?view_as=subscriber
IG: datelier_interior

วันเสาร์ที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2562

ไขความลับ นักออกแบบตกแต่งภายใน ทำยังไงให้ประสพความสำเร็จในอาชีพนี้?

             
               จั่วหัวข้อมาแบบนี้ อาจจะมีคนถามกลับมาว่า แล้วผู้เขียนประสพความสำเร็จแล้วหรือยัง?
               ผมคงต้องบอกว่ายังหรอกครับ...อ้าวจริงๆครับ  ผมคิดว่า คงไม่จำเป็นนะครับ เพราะยกตัวอย่างคนที่มีอาชีพที่ปรึกษา หลายๆคน พอให้เขาไปลงมือทำเอง ก็ไม่ประสพความสำเร็จรุ่งโรจน์เหมือนตอนเป็นแค่ที่ปรึกษาให้คนอื่น เพราะว่าการเป็นที่ปรึกษาได้ คือมีข้อมูล ประสพการณ์ ผ่านร้อนผ่านหนาวมามากกว่า ล้มลุกคลุกคลานมามากกว่า เจอทั้งเรื่องดี และร้าย มามากกว่า แต่แขนขาอาจจะไม่แข็งแรงกว่าคนอื่น ก็มีเยอะครับ เรื่องบุญวาสนา ก็มีส่วนผมเชื่ออย่างนั้นครับ คนบางคนไม่ได้เกิดมาเพื่อเป็นเจ้านายคน ถ้าทำเองอาจจะล้มเหลวไม่เป็นท่า แต่พอเป็นลูกจ้างเขา ทำได้เก่งมากกก ก็มีเยอะแยะไป
อันที่จริงก็ไม่ใช่เรื่องลึกลับอะไร สำหรับคนที่ผ่านร้อน่านหนาวมานานๆ แต่สำหรับ                 เด็กวัยรุ่น ที่กำลังคิดจะเบนเข็มมาศึกษา หรืออยากจะทำอาชีพนี้ ผมมานึกถึงตัวเองสมัยนั้น ยังไม่มีอากู๋ หรือพี่ ทู๊บ มาให้ดูหรือค้นหา ไม่มี Net Idol ให้ทำตาม ก็เลยไม่ค่อยมีทิศทางในการดำเนินอาชีพให้ถูกทางมากนัก มาสมัยปัจจุบัน ผมว่าสะดวกกว่าเยอะเลยถ้า ไม่ขี้เกียจ หรือเอาแต่สนุกไปวันๆนะครับ
               ทีนี้ลองมาดูเคล็ดลับ ที่ไม่ลับกันครับ ว่ามีอะไรบ้าง ผมคงต้องเริ่มตั้งแต่ ใครที่คิดจะเริ่มเข้ามาเรียนต่อสายนี้ จนถึงใครที่กำลังจบออกมาเริ่มทำงาน และกำลังทำงานสายนี้ช่วงเริ่มต้นกันเลยครับ
                 1.Connecttion หรือ สายสัมพันธ์
                 ผมเชื่อว่า หลายๆคนคงงงว่า ทำไมผมเอาหัวข้อนี้ขึ้นมาก่อนเพื่อนเลย? ใช่ครับ ไม่ผิดแน่นอนครับ ทำไมนะเหรอ ก็เพราะว่า...เจ้าConnection หรือสายสัมพันธ์นี่ เป็นพื้นฐานที่เราควรต้องเริ่มสร้างกันตั้งแต่เนิ่นๆเลยครับ ไม่ใช่มาสร้างเอาตอนสายเกินไป ตอนแก่ชรา ไม่เชื่อลองดูพวก ดารา ไฮโซ เศรษฐี ทั้งหลายที่มีกำลังเงินส่งลูกหลานเข้าโรงเรียนดังๆ หรือ Inter ปีละเป็นแสน เป็นล้าน เพื่ออะไรครับ ก็เพื่อสังคมที่ดี Connection ที่ดีไงครับ เพื่อต่อยอดในอนาคต ลองดูสังคมดิจิตอลเดี๋ยวนี้ก็ได้ครับ ทั้งYoutube Facebook IG Twitter Blocdit บลาๆๆ พวกนี้ต้องการยอด Like ยอด View จำนวนมากๆเพื่อสร้างรายได้เม็ดเงิน สิ่งเหล่านี้เกิดจาก Connection ทั้งนั้นครับ เพราะพื้นฐานเลยคือ คุณต้องมีเพื่อนจำนวนมากมาก่อนในสังคม โซเชี่ยล คุณก็จะเริ่มได้ไวกว่า มีคนติดตามมากกว่า ที่จริงแล้วConnectionนี่ เป็นพื้นของคนทุกสายงานอาชีพเลยก็ว่าได้ ที่ต้องสร้าง ย้ำครับว่าสร้างได้ครับ ถ้าคุณท่องไว้ตลอดชีวิต เพียงแต่เราต้องเลือกบ้าง ไม่ใช่เหวี่ยงแหสะเปะสะปะ ไม่มีคุณภาพ
                 2.Asset หรือเงินทุน
                 ครับ ผมไม่ใช้คำว่าเงินเฉยๆนะครับ คืออะไรก็ได้ที่สามารถเปลี่ยนมาเป็นเงินทุนในภายหลัง สำคัญยังไง? ผมว่าพื้นฐานเราๆก็พอรู้อยู่แล้วครับ แต่ขอเสริมให้กับเด็กๆวัยรุ่นที่กำลังเพลิดเพลินกับการใช้เงิน ว่า...ให้รู้จักแบ่งสัดส่วนการใช้เงินมาเป็นเงินเก็บไว้ลงทุนในภายภาคหน้าด้วยครับ เพราะการลงทุนกับอุปกรณ์ในการเสริมให้วิชาชีพเราแข็งแกร่ง โดยเฉพาะพวก IT ทั้งหลาย แม้กระทั่ง การเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศ เพื่อดูงาน หาประสพการณ์ ต้องใช้เงินทั้งนั้นครับ คอร์สเรียนเสริมเพิ่มเติมวิทยายุทธต่างๆ ก็จำเป็นครับ ถ้าอยากประสพความสำเร็จ หรือบางครั้งที่โอกาสมาถึง โดยที่เราต้องใช้เงินทุนเป็นส่วนประกอบ เพื่อขยับขยายงานเรา หากขาดเงินทุน ก็ลำบากครับ จะไปกู้แบ๊งค์ก็ไม่พ้นต้องมีหลักประกันให้เขาครับ
                 3.พื้นฐานทางศิลป หรือความชอบทางศิลป ต้องมีครับ ถึงแม้ว่าปัจจุบันนี้มีโปรแกรม 3มิติ มาช่วยก็ตาม แต่บ่อยครั้งที่ต้องอาศัยแมนนวล คือมือช่วยในการสเก๊ตแบบ ให้ลูกค้า หรือช่างดูครับ คุณจะสื่อสารกับเขาอย่างไรถ้าคุณสเก๊ตแบบออกมาไม่ได้สดๆ อาจจะไม่ต้องถึงกับสวยงามมากแต่ต้องดูได้บ้างครับ เขียนสวยมากก็ได้เปรียบครับ
                 4.พรสวรรค์ หรือพรแสวง ใช่ครับไม่ต้องอธิบายมาก ไม่มีพรสวรรค์ก็ต้องแสวงหาเอาเองอ่ะๆครับ ต้องดูไอเดีย ดูรูป ความคิดคนอื่นๆให้เยอะๆ โปรแกรมอะไรมาใหม่ๆ ต้องหัดเรียนรู้ไว้ ฝึกมากๆ ถ้ามีโอกาสทำงานส่งประกวด ก็ต้องลองครับ การเห็นงานเยอะๆ ทำเยอะๆ ถามเยอะๆ ได้เปรียบแน่นอนครับ
                 5.การเลือกที่ทำงานเมื่อจบมาใหม่ๆ ตรงนี้มีข้อถกเถียงถึงความเหมาะสมว่า จะไปบริษัทใหญ่ หรือบริษัทเล็กดี เวลาจบมาใหม่ๆ
บริษัทใหญ่ข้อดีคือ-ได้เห็นงานมาตรฐานที่ดี สวยงาม อลังการ
                          -ได้ระบบการทำงานที่ น่าจะดี การบริหารจัดการที่ดี
                          -ได้เจอยอดฝีมือเยอะให้ได้เรียนรู้ แข่งขัน
                          -งานเยอะ ได้ฝึกฝนเยอะ งานใหญ่เยอะ
                          -เงินเดือนแล้วแต่โชคชะตา แต่โดยเฉลี่ยถ้าทำงานจนถึงจุดหนึ่งๆ ผลตอบแทนโบนัสปลายปี น่าจะดี ถ้าไม่เจอเจ้านายใจร้าย
                          -ได้เจอ สัมผัสกับกลุ่มลูกค้า มีระดับ ก็จะเห็นถึงการใช้ชีวิตของคนมีกะตังว่า เขากินอยู่อย่างไร ตรงนี้สำคัญมากครับเพราะ เราทำงานกับคนมีกะตัง ถ้าเราไม่เคยเห็นภาพชีวิตเขา เราก็จะออกแบบไม่ได้ตรงใจพฤติกรรมการใช้ชีวิตของเขาครับ
                          -มีโอกาสได้เห็นเรียนรู้เรื่องวัสดุ อุปกรณ์ เทคโนโลยี่ใหม่ๆ จากการที่เซลล์วิ่งเข้ามานำเสนอบ่อยๆ มากกว่าบริษัทโนเนม ได้เจอเซลล์แมน เซลล์เกิร์ล สวยๆหล่อๆ(อันนี้เป็น Rare Item ผมคิดเอาเองครับ ไม่ดี)
            ข้อเสียคือ-เข้าไปใหม่ๆต้องไต่เต้า ไล่ระดับสะสมlevel up skill น่าจะเป็นเวลานาน มากน้อยขึ้นอยู่กับหลายองค์ประกอบ กว่าจะได้ชื่อว่าเป็นดีไซน์เนอร์แบบจริงๆ แบบไม่จริงคน บางที่ อาจจะใช้เวลา 2-3 ปีกว่าจะได้ทำงานออกแบบเต็มตัว หรือบางคนทำงาน 3D เก่งๆ แมร่งก็ให้ทำแต่งานพรีเซ็นท์ ไม่ได้ออกไอเดียซะที กรรมครับ
                         -เงินเดือนตั้งตน บางที่อาจจะน้อย จนทนทำได้ไม่นาน เพราะเวลาเพื่อนๆเอามาคุยทับถมกัน คุณอาจจะท้อจนอยากเปลี่ยนงานใหม่
                         -ไอเดีย อาจจะถูกครอบงำ จากเจ้านาย หัวหน้างาน เพราะเขาจะมีตีมงานในใจเขาอยู่แล้ว ทำไปนานๆ ก็จะกลายเป็นจิตวิญญาณล่องลอย เป็นสไตล์ประจำตัวไม่เป็นตัวของตัวเองครับ
                         -โอกาสที่จะได้ชนกับลูกค้าโดยตรงยากครับ
             ถ้าก้าวผ่านอุปสรรค์ข้างบนนี้มาได้ทั้งดีและเสีย จนถึงเวลาที่ท่านพร้อมจะออกมาตั้งบริษัทรับงานเอง ก็จะมีประโยชน์มาก เพราะมีพื้นฐานที่ดีจากบริษัทใหญ่ แถมยังใช้เป็น Refference Port Folio ได้ว่าฉันผ่านงานหรูๆจากบริษัทใหญ่ๆมาแล้ว อาจจะอัพค่าตัวได้อีกครับ
                บริษัทเล็กข้อดีคือ-โอกาสในการได้ฝึกฝีมือในฐานะดีไซน์เนอร์จริงๆ ค่อนข้างมาก ไวกว่า เพราะคนน้อย ต้องการคนที่ทำได้เลยรอบด้าน คือส่วนมากเขาต้องการคนที่มาจับงานดีไซน์จริงๆ อาจจะจับงานดร๊าฟแค่โปรสามเดือน
                         -ได้ฝึกฝนงานเต็มที่ รอบด้านจริงๆ สมัยผมทำงานอยู่ที่บริษัทแห่งหนึ่ง ผมนับจำนวนงานออกแบบทีผ่านมือผมไปในหนึ่งปี ไม่ต่ำกว่า 15 โปรเจค ทั้งเล็กและใหญ่ นั่นหมายถึงเฉลี่ยเดือนนึง งานผมออกไปมากกว่าหนึ่งงานครับ ดังนั้นเวลาที่จะออกมาทำอะไรเองก็จะเร็วกว่า ใชัเวลาน้อยกว่าครับ
                         -มีโอกาสได้ ชนกับลูกค้าโดยตรง บ่อยกว่า มากกว่า และแน่นอนครับ ได้เจอกับเซลล์โดยด้วย เพราะที่ใหญ่ๆส่วนมากเขาจะสกรีนเซลล์ไม่ให้เข้าถึงตัว ดีไซน์เนอร์ เพราะเขากลัวจะไปทำให้ไม่มีสมาธิทำงานครับ
                         -เงินเดือน โบนัส อันนี้ไม่แน่นอนจริงๆครับ จะว่ามากกว่าบริษัทใหญ่ก็ไม่เสมอไปครับ แล้วแต่จริงๆ แต่การที่มีโอกาสได้ชนกับลูกค้า ผู้คนในสายงานต่างๆ ก็น่าจะนำมาซึ่งโอกาสให้ได้ฉกฉวยครับ ถ้ารู้จักเก็บเกี่ยว
                        ข้อเสียคือ-ระบบโครงสร้างการบริหารจัดการ อาจจะไม่ค่อยดี หรือไม่ค่อยมีให้เรียนรู้ ต้องลองผิดลองถูกเอาเอง
                         -ใหม่ๆอาจจะมีผิดพลาดเยอะ เพราะไม่ค่อยมีคนนำทาง แต่ถ้าได้เพื่อนรวมงานพี่ๆดี ก็ช่วยได้เยอะครับ
                         -สวัสดิการ โบนัส อาจจะสู้ไม่ได้ เพราะสเกลงานไม่ใหญ่ อันนี้แค่มีแนวโน้มว่าจะเป็นอย่างนั้นครับ ไม่ 100%
                         -เซลล์อาจจะดูแล เทคแคร์ ไม่เท่าบริษัทใหญ่ครับ แต่ก็ขึ้นอยู่กับปริมาณงาน ความบ่อยในการสเป๊ควัสดุอุปกรณ์ครับ
                         -ความมั่นคง น้อยกว่าบริษัทใหญ่แน่นอนครับ ยิ่งเศรษฐกิจแมวๆแบบนี้ ปิดตัวกันเยอะครับ แต่ถ้าบริษัทใหญ่ไม่ใช่ไม่โดนนะครับ ถ้าไม่ใช่ตัวสำคัญจริงๆ
                6.วางเป้าหมาย และลงมือทำครับ คือบางคนมีเป้าหมายว่าจะต้องเปิดบริษัทเป็นของตัวเองให้ได้ บางคนอาจจะขอเป็นแค่ลูกจ้างเขาแต่ฝันว่าจะเป็นเบอร์ต้นๆของวงการ หรือขององค์กร ไม่มีผิดไม่มีถูกครับ จุดสำคัญคือ ต้องวางแผนจัดการตัวเองตามที่ผมลิสต์ไว้ให้ครับ
               7.เมื่อโอกาสมาถึง ต้องกล้าที่จะคว้าเอาไว้ครับ ถ้ากลัว โอกาสจะผ่านไป อย่าตั้งเงื่อนไขข้อจำกัดให้กับตัวเองมากนัก เพราะโอกาสเมื่อมาถึงแล้วเราไม่รู้ว่าจะมาอีกเทื่อไหร่ ต้องทำตัวให้พร้อมรับกับโอกาสครับ อะไรค้องพร้อมบ้าง ย้อนกลับไปอ่านข้างบนครับ
            ทั้งหมดนี้ ไม่ใช่สูตรสำเร็จครับ ผมไม่เคยเชื่อว่าชีวิต มีสูตรสำเร็จ แต่เป็นได้แค่ ไกด์ไลน์ ที่เหลือหากทำตามแล้ว ผมเชื่อในโชคชะตา บุญกรรมเก่าครับ  แต่ทำกรรมใหม่ไว้ให้ดีครับ เพราะกรรมเก่า เราแก้ไม่ได้แล้วครับ จบด้วยธรรมะได้ยังไงเนี่ย
If U want to see Sketchup Animation pls follow at 
ใครอยากดูแบบภาพเคลื่อนไหว Sketchup Animation งาน Interior ก็ที่นี่ครับ
Youtube Chanel: DAtelier Interior 
https://www.youtube.com/channel/UC2a_qS46gAISkLJ1byl5Y5A?view_as=subscriber
IG: datelier_interior