วันอาทิตย์ที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2562

Review Idea "ออกแบบ ตกแต่งภายใน ร้านขายยา" ภายในอาคารพาณิชย์

               ร้านขายยาที่จะพามาดูวันนี้ ทำเลอยู่ในอาคารพาณิชย์ หรือที่เรียกว่า ตึกแถว นั่นเองครับ อยู่ย่านชานเมืองกรุงเทพแถวๆ ฝั่งธนบุรี โดยที่Conceptual Idea สำหรับการออกแบบร้านขายยาร้านนี้คือ สมัยใหม่ดูเด่นเห็นได้ง่ายจากภายนอก งบประมาณพอได้ ไม่ต้องหรู มาตรฐานคนทั่วไปกล้าเข้าร้านครับ แต่ให้ดูดีเป็นหลัก ต่างจากร้านขายยาอื่นๆ งั้นมาดูกันครับ
         แบบแปลนตัวอาคารเป็นเหมือนอาคารพาณิชย์ทั่วไป คือหน้ากว้างมาตรฐาน 4 เมตร ลึก 16 เมตร ซึ่งลึกเกินความจำเป็นใช้งานนะครับ เลยวางแบบแปลนให้ใช้งาน แค่สองล๊อก คือ 8 เมตร แล้วกั้นเป็นห้องด้านหลังมีประตูเลื่อนแบ่งแยกพื้นที่
Theme สีโดยหลักๆคือ ขาวฟ้าเขียวตามโลโก้ร้าน เริ่มจากหน้าร้านทาผนังปูนด้วยสีฟ้ากลางๆ ทำกล่องป้ายหน้าร้าน สีฟ้าเข้มเน้นๆหน่อย และกั้นแผงหน้าร้านประตูทางเข้าด้วยงานอลูมิเนียมสีขาว กรุกระจกใส
อันนี้เป็นรูปสถานที่จริง หน้าร้านก่อนตกแต่งครับ
อันนี้ภายในร้าน จะเห็นว่าเป็นเพดานสูงถึงชั้นลอย ซึ่งเกินความจำเป็นที่จะต้องมีฝ้าเพดานสูงขนาดนั้น
เข้าร้านมาก็จะเจอผนังด้านซ้าน ขวา ที่เว้นระยะติดงานกราฟฟิกเกี่ยวกับยา สีสันสดใสเพื่อให้เกิดมุมมองที่น่าสนใจจากภายนอก ดูมีอะไรมากกว่าร้านขายยาดาดๆทั่วไป ซ้ายมือวางตู้กดน้ำดื่ม สำหรับลูกค้าเมื่อซื้อยา สามารถกดทานได้เลย ฝ้าเพดานกรุเรียบ ลดระดับความสูงลง เหลือประมาณ 2.60 เมตรก็เพียงพอแล้วครับ
ถัดมาเป็นเคาน์เตอร์แคชเชียร์มุมโค้ง มีแผงกั้นกันตก และเพื่อความเป็นระเบียบ เป็นสัดส่วนตัว ต่อเชื่อมด้วยตู้เตี้ยกระจกใส ด้านหลังเคาน์เตอร์ทำเป็นตู้ Buit In งานไม้MDF ปิดผิวด้วยลามิเนตสลับสี ฟ้าเขียว ของบริษัท Wilsonart ติดป้ายชื่อแบ่งหมวดหมู่ยา ด้านบนของตู้แต่ละช่อง หน้าบานเป็นบานเปิดกระจกใส ในตู้ซ่อนไฟให้ความสว่างไว้ด้านบน
ด้านขวามือเป็นตู้ชั้นโชว์เปลือย แขวนและวางสินค้า ที่ลูกค้าสามารถหยิบจับได้เอง ทั้งหมดเป็นอุปกรณ์ที่สามารถปรับระดับได้ ของบริษัท HAFELE ตัวตู้ด้านล่างเป็นที่เก็บของ หน้าบานเลื่อนใส่กุณแจล๊อกได้ครับ เชื่อมต่อกับตู้ Built In ด้านใน จะเห็นที่วางตีจู๋เอี๊ย กับที่วางบูชาพระ ก่อนเข้าไปที่ส่วนด้านหลังร้าน เป็นพื้นที่ส่วนตัว พื้นของร้านใช้กระเบื้องแกรนิตโต้ของเดิมของอาคาร สีครีมไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรครับ
โดยรวมๆ ร้านนี้ก็จะใช้งบประมาณไปกับตัวงานตู้ Built In ค่อนข้างเยอะที่สุด ระบบไฟนิดหน่อย พื้นไม่ต้อง ก็ราคาโดยรวมอาจจะลงทุนมากกว่าร้านทั่วไปนิดหน่อย แต่ดูดีกว่ามากครับ
If U want to see Sketchup Animation pls follow at 
ใครอยากดูแบบภาพเคลื่อนไหว Sketchup Animation งาน Interior มากกว่านี้ก็ที่นี่ครับ
Youtube Chanel: DAtelier Interior 
https://www.youtube.com/channel/UC2a_qS46gAISkLJ1byl5Y5A?view_as=subscriber
IG: datelier_interior

วันอังคารที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2562

Review "ร้าน Milk Cafe-Gift & Internet สาขา2" ในตึกสำนักงาน(แบบประหยัดงบ)

                      ร้านคาเฟ่ชานมไข่มุก ร้านนี้ เป็นสาขาที่2 ต่อจากร้านเดิมที่ผมเคยนำมาลงไปแล้วครับ โดยที่คราวนี้ทำเลของร้านเป็นอาคารสำนักงานที่ เปิดเป็นโรงเรียนสอนพิเศษสำหรับเด็กนักเรียนด้วย ก็เหมาะที่จะมีร้านชานมไข่มุกมารองรับเป็นอย่างมาก โดยตำแหน่งของร้านอยู่ที่ชั้นล่างหน้าทางขึ้นลิฟท์พอดี ตรงกับประตูทางเข้าอาคาร และบันได ทำเลค่อนข้างดี แต่เสียตรงที่ตัวร้านหลบเข้ามาด้านในอาคาร ทำให้ถ้าเดินอยู่ริมถนน จะสังเกตุไม่ค่อยเห็นหน้าร้าน ผมเลยแนะนำเจ้าของร้านว่า ให้ทำป้ายกราฟฟิคสีแจ่มๆ ไปติดที่หน้าอาคารเพื่อช่วยให้คนมองเห็นครับ
               ตัวพื้นที่ตอนที่มาทำก็เป็นห้องโล่งๆ เรียบร้อยดี แต่เพดานค่อนข้างเตี้ยไปหน่อย พื้นที่ร้านเป็นตัวแอล อ้อมหลังลิฟท์ หน้าร้านเลยออกจะแคบไปหน่อยครับ อีกอย่างเจ้าของอาคารแกเล่นเอาตีจู๋เอี๊ย(เจ้าที่จีน) มาวางไว้ตรงหน้าร้านเลย ย้ายก็ไม่ได้ด้วย เลยดูแปลกๆตาอยู่ หุหุ อันนี้มองได้สองมุมนะครับ สำหรับผมคือ จะมองว่า ฮวงจุ้ยดี ก็ได้ ไม่ดีก็ได้ เพราะการที่มีเจ้าที่มาวางอยู่ในตำแหน่งที่คนต้องสัญจรไปมาเนี่ย ถ้าทำดีหมั่นดูแลกราบไหว้ ท่านก็จะให้คุณ แต่ถ้าไม่ดูแล ไม่เคารพกราบไหว้ ท่านก็อาจจะไม่ช่วยเหลือเอาได้ครับ
                                      รูปนี้เป็นหน้าร้าน ถ่ายจากสถานที่จริงหลังตกแต่งครับ
                                               ส่วนรูปนี้ภายในร้านรูปจริงหลังตกแต่งครับ
                    ตัว Conceptual Design ก็อิงจากสาขาแรกมาเกือบหมด เพื่อที่จะได้สร้างแบรนด์ให้เป็นที่จดจำได้ง่ายไปก่อนครับ โทนสีหวานๆสไตล์ K Brand

              มุมมองด้านหน้าร้านก็ไม่ได้ทำอะไรมากครับ เพราะใช้ของเดิมที่มีอยู่แล้วเพื่อประหยัดงบ แต่เสริมป้ายร้านเป็นกล่องไฟแบบแขวนผนังตรงข้างประตูทางเข้า
เมื่อเดินเข้ามาในร้านทางซ้าย วางตู้ขายของ Gift Shop K Product ศิลปินแดนกิมจิ ด้านขวาเป็นเคาน์เตอร์บริการจอ Internet แบบทัชสกรีนเนื่องจากแถวนั้นมี Hostel ให้ชาวต่างชาติมาพักเยอะครับ
ตัวผนังร้าน ใช้การทาสีชมพูนมเย็น แล้วตัดด้วยลายเส้นสีขาวสองเส้น ตรงจุดนี้ก็เป็นการใช้ลายเส้นของสี มาเล่นช่วยเรื่องการประหยัดงบได้ดีครับ
มุมด้านในส่วนหลังร้าน พื้นกับเพดานเป็นของเดิมอาคาร ไม่ได้ใส่งบลงไปทำอะไรครับ
มุมมองจากด้านในเคาน์เตอร์ มองออกไปจะเห็นประตูทางเข้าร้าน ผนังด้านขวามือ กรุด้วยแผ่น Wave Board ของ บ.POLY DEC ทำสีพ่นกึ่งๆเงานิดหน่อย 
ตัวเคาน์เตอร์เป็นงานโครงไม้ กรุปิดแผ่นลามิเนตสลับสี ปิดทับด้วยแผ่นวงกลมเลียนแบบเม็ดไข่มุกขนาดต่างๆกัน ด้านข้างมุมนี้วางตู้หนังสือให้หยิบอ่านครับ
มุมนี้ให้ดูกันชัดๆครับ

แบบแปลนโดยภาพรวมครับ มุมที่เห็นเป็นห้องกล่องขาวๆนี่คือห้องลิฟท์ของอาคารครับ
โดยรวมร้านนี้ใช้งบประมาณน้อยมากครับ มีตัววัสดุที่แพงนิดหน่อยคือเจ้าตัว Wave Bord แต่ก็ใช้ไม่มาก เพราะถ้าทาสีอย่างเดียว ตัวร้านมันจะดูเฝือไม่มีจุดเบรกดีไซน์ครับ จบแล้วครับ
If U want to see Sketchup Animation pls follow at 
ใครอยากดูแบบภาพเคลื่อนไหว Sketchup Animation งาน Interior มากกว่านี้ก็ที่นี่ครับ
Youtube Chanel: DAtelier Interior 
https://www.youtube.com/channel/UC2a_qS46gAISkLJ1byl5Y5A?view_as=subscriber
IG: datelier_interior

วันเสาร์ที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2562

ไขความลับ นักออกแบบตกแต่งภายใน ทำยังไงให้ประสพความสำเร็จในอาชีพนี้?

             
               จั่วหัวข้อมาแบบนี้ อาจจะมีคนถามกลับมาว่า แล้วผู้เขียนประสพความสำเร็จแล้วหรือยัง?
               ผมคงต้องบอกว่ายังหรอกครับ...อ้าวจริงๆครับ  ผมคิดว่า คงไม่จำเป็นนะครับ เพราะยกตัวอย่างคนที่มีอาชีพที่ปรึกษา หลายๆคน พอให้เขาไปลงมือทำเอง ก็ไม่ประสพความสำเร็จรุ่งโรจน์เหมือนตอนเป็นแค่ที่ปรึกษาให้คนอื่น เพราะว่าการเป็นที่ปรึกษาได้ คือมีข้อมูล ประสพการณ์ ผ่านร้อนผ่านหนาวมามากกว่า ล้มลุกคลุกคลานมามากกว่า เจอทั้งเรื่องดี และร้าย มามากกว่า แต่แขนขาอาจจะไม่แข็งแรงกว่าคนอื่น ก็มีเยอะครับ เรื่องบุญวาสนา ก็มีส่วนผมเชื่ออย่างนั้นครับ คนบางคนไม่ได้เกิดมาเพื่อเป็นเจ้านายคน ถ้าทำเองอาจจะล้มเหลวไม่เป็นท่า แต่พอเป็นลูกจ้างเขา ทำได้เก่งมากกก ก็มีเยอะแยะไป
อันที่จริงก็ไม่ใช่เรื่องลึกลับอะไร สำหรับคนที่ผ่านร้อน่านหนาวมานานๆ แต่สำหรับ                 เด็กวัยรุ่น ที่กำลังคิดจะเบนเข็มมาศึกษา หรืออยากจะทำอาชีพนี้ ผมมานึกถึงตัวเองสมัยนั้น ยังไม่มีอากู๋ หรือพี่ ทู๊บ มาให้ดูหรือค้นหา ไม่มี Net Idol ให้ทำตาม ก็เลยไม่ค่อยมีทิศทางในการดำเนินอาชีพให้ถูกทางมากนัก มาสมัยปัจจุบัน ผมว่าสะดวกกว่าเยอะเลยถ้า ไม่ขี้เกียจ หรือเอาแต่สนุกไปวันๆนะครับ
               ทีนี้ลองมาดูเคล็ดลับ ที่ไม่ลับกันครับ ว่ามีอะไรบ้าง ผมคงต้องเริ่มตั้งแต่ ใครที่คิดจะเริ่มเข้ามาเรียนต่อสายนี้ จนถึงใครที่กำลังจบออกมาเริ่มทำงาน และกำลังทำงานสายนี้ช่วงเริ่มต้นกันเลยครับ
                 1.Connecttion หรือ สายสัมพันธ์
                 ผมเชื่อว่า หลายๆคนคงงงว่า ทำไมผมเอาหัวข้อนี้ขึ้นมาก่อนเพื่อนเลย? ใช่ครับ ไม่ผิดแน่นอนครับ ทำไมนะเหรอ ก็เพราะว่า...เจ้าConnection หรือสายสัมพันธ์นี่ เป็นพื้นฐานที่เราควรต้องเริ่มสร้างกันตั้งแต่เนิ่นๆเลยครับ ไม่ใช่มาสร้างเอาตอนสายเกินไป ตอนแก่ชรา ไม่เชื่อลองดูพวก ดารา ไฮโซ เศรษฐี ทั้งหลายที่มีกำลังเงินส่งลูกหลานเข้าโรงเรียนดังๆ หรือ Inter ปีละเป็นแสน เป็นล้าน เพื่ออะไรครับ ก็เพื่อสังคมที่ดี Connection ที่ดีไงครับ เพื่อต่อยอดในอนาคต ลองดูสังคมดิจิตอลเดี๋ยวนี้ก็ได้ครับ ทั้งYoutube Facebook IG Twitter Blocdit บลาๆๆ พวกนี้ต้องการยอด Like ยอด View จำนวนมากๆเพื่อสร้างรายได้เม็ดเงิน สิ่งเหล่านี้เกิดจาก Connection ทั้งนั้นครับ เพราะพื้นฐานเลยคือ คุณต้องมีเพื่อนจำนวนมากมาก่อนในสังคม โซเชี่ยล คุณก็จะเริ่มได้ไวกว่า มีคนติดตามมากกว่า ที่จริงแล้วConnectionนี่ เป็นพื้นของคนทุกสายงานอาชีพเลยก็ว่าได้ ที่ต้องสร้าง ย้ำครับว่าสร้างได้ครับ ถ้าคุณท่องไว้ตลอดชีวิต เพียงแต่เราต้องเลือกบ้าง ไม่ใช่เหวี่ยงแหสะเปะสะปะ ไม่มีคุณภาพ
                 2.Asset หรือเงินทุน
                 ครับ ผมไม่ใช้คำว่าเงินเฉยๆนะครับ คืออะไรก็ได้ที่สามารถเปลี่ยนมาเป็นเงินทุนในภายหลัง สำคัญยังไง? ผมว่าพื้นฐานเราๆก็พอรู้อยู่แล้วครับ แต่ขอเสริมให้กับเด็กๆวัยรุ่นที่กำลังเพลิดเพลินกับการใช้เงิน ว่า...ให้รู้จักแบ่งสัดส่วนการใช้เงินมาเป็นเงินเก็บไว้ลงทุนในภายภาคหน้าด้วยครับ เพราะการลงทุนกับอุปกรณ์ในการเสริมให้วิชาชีพเราแข็งแกร่ง โดยเฉพาะพวก IT ทั้งหลาย แม้กระทั่ง การเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศ เพื่อดูงาน หาประสพการณ์ ต้องใช้เงินทั้งนั้นครับ คอร์สเรียนเสริมเพิ่มเติมวิทยายุทธต่างๆ ก็จำเป็นครับ ถ้าอยากประสพความสำเร็จ หรือบางครั้งที่โอกาสมาถึง โดยที่เราต้องใช้เงินทุนเป็นส่วนประกอบ เพื่อขยับขยายงานเรา หากขาดเงินทุน ก็ลำบากครับ จะไปกู้แบ๊งค์ก็ไม่พ้นต้องมีหลักประกันให้เขาครับ
                 3.พื้นฐานทางศิลป หรือความชอบทางศิลป ต้องมีครับ ถึงแม้ว่าปัจจุบันนี้มีโปรแกรม 3มิติ มาช่วยก็ตาม แต่บ่อยครั้งที่ต้องอาศัยแมนนวล คือมือช่วยในการสเก๊ตแบบ ให้ลูกค้า หรือช่างดูครับ คุณจะสื่อสารกับเขาอย่างไรถ้าคุณสเก๊ตแบบออกมาไม่ได้สดๆ อาจจะไม่ต้องถึงกับสวยงามมากแต่ต้องดูได้บ้างครับ เขียนสวยมากก็ได้เปรียบครับ
                 4.พรสวรรค์ หรือพรแสวง ใช่ครับไม่ต้องอธิบายมาก ไม่มีพรสวรรค์ก็ต้องแสวงหาเอาเองอ่ะๆครับ ต้องดูไอเดีย ดูรูป ความคิดคนอื่นๆให้เยอะๆ โปรแกรมอะไรมาใหม่ๆ ต้องหัดเรียนรู้ไว้ ฝึกมากๆ ถ้ามีโอกาสทำงานส่งประกวด ก็ต้องลองครับ การเห็นงานเยอะๆ ทำเยอะๆ ถามเยอะๆ ได้เปรียบแน่นอนครับ
                 5.การเลือกที่ทำงานเมื่อจบมาใหม่ๆ ตรงนี้มีข้อถกเถียงถึงความเหมาะสมว่า จะไปบริษัทใหญ่ หรือบริษัทเล็กดี เวลาจบมาใหม่ๆ
บริษัทใหญ่ข้อดีคือ-ได้เห็นงานมาตรฐานที่ดี สวยงาม อลังการ
                          -ได้ระบบการทำงานที่ น่าจะดี การบริหารจัดการที่ดี
                          -ได้เจอยอดฝีมือเยอะให้ได้เรียนรู้ แข่งขัน
                          -งานเยอะ ได้ฝึกฝนเยอะ งานใหญ่เยอะ
                          -เงินเดือนแล้วแต่โชคชะตา แต่โดยเฉลี่ยถ้าทำงานจนถึงจุดหนึ่งๆ ผลตอบแทนโบนัสปลายปี น่าจะดี ถ้าไม่เจอเจ้านายใจร้าย
                          -ได้เจอ สัมผัสกับกลุ่มลูกค้า มีระดับ ก็จะเห็นถึงการใช้ชีวิตของคนมีกะตังว่า เขากินอยู่อย่างไร ตรงนี้สำคัญมากครับเพราะ เราทำงานกับคนมีกะตัง ถ้าเราไม่เคยเห็นภาพชีวิตเขา เราก็จะออกแบบไม่ได้ตรงใจพฤติกรรมการใช้ชีวิตของเขาครับ
                          -มีโอกาสได้เห็นเรียนรู้เรื่องวัสดุ อุปกรณ์ เทคโนโลยี่ใหม่ๆ จากการที่เซลล์วิ่งเข้ามานำเสนอบ่อยๆ มากกว่าบริษัทโนเนม ได้เจอเซลล์แมน เซลล์เกิร์ล สวยๆหล่อๆ(อันนี้เป็น Rare Item ผมคิดเอาเองครับ ไม่ดี)
            ข้อเสียคือ-เข้าไปใหม่ๆต้องไต่เต้า ไล่ระดับสะสมlevel up skill น่าจะเป็นเวลานาน มากน้อยขึ้นอยู่กับหลายองค์ประกอบ กว่าจะได้ชื่อว่าเป็นดีไซน์เนอร์แบบจริงๆ แบบไม่จริงคน บางที่ อาจจะใช้เวลา 2-3 ปีกว่าจะได้ทำงานออกแบบเต็มตัว หรือบางคนทำงาน 3D เก่งๆ แมร่งก็ให้ทำแต่งานพรีเซ็นท์ ไม่ได้ออกไอเดียซะที กรรมครับ
                         -เงินเดือนตั้งตน บางที่อาจจะน้อย จนทนทำได้ไม่นาน เพราะเวลาเพื่อนๆเอามาคุยทับถมกัน คุณอาจจะท้อจนอยากเปลี่ยนงานใหม่
                         -ไอเดีย อาจจะถูกครอบงำ จากเจ้านาย หัวหน้างาน เพราะเขาจะมีตีมงานในใจเขาอยู่แล้ว ทำไปนานๆ ก็จะกลายเป็นจิตวิญญาณล่องลอย เป็นสไตล์ประจำตัวไม่เป็นตัวของตัวเองครับ
                         -โอกาสที่จะได้ชนกับลูกค้าโดยตรงยากครับ
             ถ้าก้าวผ่านอุปสรรค์ข้างบนนี้มาได้ทั้งดีและเสีย จนถึงเวลาที่ท่านพร้อมจะออกมาตั้งบริษัทรับงานเอง ก็จะมีประโยชน์มาก เพราะมีพื้นฐานที่ดีจากบริษัทใหญ่ แถมยังใช้เป็น Refference Port Folio ได้ว่าฉันผ่านงานหรูๆจากบริษัทใหญ่ๆมาแล้ว อาจจะอัพค่าตัวได้อีกครับ
                บริษัทเล็กข้อดีคือ-โอกาสในการได้ฝึกฝีมือในฐานะดีไซน์เนอร์จริงๆ ค่อนข้างมาก ไวกว่า เพราะคนน้อย ต้องการคนที่ทำได้เลยรอบด้าน คือส่วนมากเขาต้องการคนที่มาจับงานดีไซน์จริงๆ อาจจะจับงานดร๊าฟแค่โปรสามเดือน
                         -ได้ฝึกฝนงานเต็มที่ รอบด้านจริงๆ สมัยผมทำงานอยู่ที่บริษัทแห่งหนึ่ง ผมนับจำนวนงานออกแบบทีผ่านมือผมไปในหนึ่งปี ไม่ต่ำกว่า 15 โปรเจค ทั้งเล็กและใหญ่ นั่นหมายถึงเฉลี่ยเดือนนึง งานผมออกไปมากกว่าหนึ่งงานครับ ดังนั้นเวลาที่จะออกมาทำอะไรเองก็จะเร็วกว่า ใชัเวลาน้อยกว่าครับ
                         -มีโอกาสได้ ชนกับลูกค้าโดยตรง บ่อยกว่า มากกว่า และแน่นอนครับ ได้เจอกับเซลล์โดยด้วย เพราะที่ใหญ่ๆส่วนมากเขาจะสกรีนเซลล์ไม่ให้เข้าถึงตัว ดีไซน์เนอร์ เพราะเขากลัวจะไปทำให้ไม่มีสมาธิทำงานครับ
                         -เงินเดือน โบนัส อันนี้ไม่แน่นอนจริงๆครับ จะว่ามากกว่าบริษัทใหญ่ก็ไม่เสมอไปครับ แล้วแต่จริงๆ แต่การที่มีโอกาสได้ชนกับลูกค้า ผู้คนในสายงานต่างๆ ก็น่าจะนำมาซึ่งโอกาสให้ได้ฉกฉวยครับ ถ้ารู้จักเก็บเกี่ยว
                        ข้อเสียคือ-ระบบโครงสร้างการบริหารจัดการ อาจจะไม่ค่อยดี หรือไม่ค่อยมีให้เรียนรู้ ต้องลองผิดลองถูกเอาเอง
                         -ใหม่ๆอาจจะมีผิดพลาดเยอะ เพราะไม่ค่อยมีคนนำทาง แต่ถ้าได้เพื่อนรวมงานพี่ๆดี ก็ช่วยได้เยอะครับ
                         -สวัสดิการ โบนัส อาจจะสู้ไม่ได้ เพราะสเกลงานไม่ใหญ่ อันนี้แค่มีแนวโน้มว่าจะเป็นอย่างนั้นครับ ไม่ 100%
                         -เซลล์อาจจะดูแล เทคแคร์ ไม่เท่าบริษัทใหญ่ครับ แต่ก็ขึ้นอยู่กับปริมาณงาน ความบ่อยในการสเป๊ควัสดุอุปกรณ์ครับ
                         -ความมั่นคง น้อยกว่าบริษัทใหญ่แน่นอนครับ ยิ่งเศรษฐกิจแมวๆแบบนี้ ปิดตัวกันเยอะครับ แต่ถ้าบริษัทใหญ่ไม่ใช่ไม่โดนนะครับ ถ้าไม่ใช่ตัวสำคัญจริงๆ
                6.วางเป้าหมาย และลงมือทำครับ คือบางคนมีเป้าหมายว่าจะต้องเปิดบริษัทเป็นของตัวเองให้ได้ บางคนอาจจะขอเป็นแค่ลูกจ้างเขาแต่ฝันว่าจะเป็นเบอร์ต้นๆของวงการ หรือขององค์กร ไม่มีผิดไม่มีถูกครับ จุดสำคัญคือ ต้องวางแผนจัดการตัวเองตามที่ผมลิสต์ไว้ให้ครับ
               7.เมื่อโอกาสมาถึง ต้องกล้าที่จะคว้าเอาไว้ครับ ถ้ากลัว โอกาสจะผ่านไป อย่าตั้งเงื่อนไขข้อจำกัดให้กับตัวเองมากนัก เพราะโอกาสเมื่อมาถึงแล้วเราไม่รู้ว่าจะมาอีกเทื่อไหร่ ต้องทำตัวให้พร้อมรับกับโอกาสครับ อะไรค้องพร้อมบ้าง ย้อนกลับไปอ่านข้างบนครับ
            ทั้งหมดนี้ ไม่ใช่สูตรสำเร็จครับ ผมไม่เคยเชื่อว่าชีวิต มีสูตรสำเร็จ แต่เป็นได้แค่ ไกด์ไลน์ ที่เหลือหากทำตามแล้ว ผมเชื่อในโชคชะตา บุญกรรมเก่าครับ  แต่ทำกรรมใหม่ไว้ให้ดีครับ เพราะกรรมเก่า เราแก้ไม่ได้แล้วครับ จบด้วยธรรมะได้ยังไงเนี่ย
If U want to see Sketchup Animation pls follow at 
ใครอยากดูแบบภาพเคลื่อนไหว Sketchup Animation งาน Interior ก็ที่นี่ครับ
Youtube Chanel: DAtelier Interior 
https://www.youtube.com/channel/UC2a_qS46gAISkLJ1byl5Y5A?view_as=subscriber
IG: datelier_interior

วันศุกร์ที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2562

ทำไม? ต้องจ้าง "สถาปนิกออกแบบตกแต่งภายใน"

          ผมเชื่อว่า ใครที่ทำงานสายงานออกแบบตกแต่งภายใน หรือว่า อาชีพ"มัณฑนากร" หรือ "สถาปนิกออกแบบตกแต่งภายใน" Interior Designer คงต้องเคยเจอสถานการที่ เจ้าของบ้าน เจ้าของงาน ที่ไม่ยอมเข้าใจเรื่อง ค่าจ้างงานออกแบบว่า ทำไมต้องมี? ทำไมต้องจ่าย? ค่าแบบแพงจัง กระดาษแค่ไม่กี่ใบ?  ฟังดูแล้วปวดใจ ปวดตับเป็นอย่างยิ่งนะครับ ล่าสุด...ผมเจอคุณหมอหนุ่มท่านหนึ่ง ดูแล้วเป็นคนรุ่นใหม่ ซึ่งน่าจะเข้าใจในเรื่องค่าจ้าง ค่าตัวในสายอาชีพที่มีค่าตัวแพงได้อย่างดี คุณหมอท่านบอกว่า "ผมไม่ยินดีจ่ายหรอก ค่าออกแบบ ถ้าอยากได้งานก็ ทำแบบเสร็จก็เสนอราคามาเป็นงานรับเหมาเลย ตกลงหรือไม่ว่าจะทำหรือไม่ทำ ก็ที่ตรงนั้น"
          ฟังดูเหมือนว่าชัดเจนดีนะครับ แต่...แทบอยากเลิกทำอาชีพนี้กันเลยทีเดียว ท่านรู้หรือไม่ว่า อาชีพนี้ ถ้าเป็นในหลายๆประเทศ ที่เจริญแล้ว เขาคิดค่าใช้จ่ายตั้งแต่วันแรกที่ท่าน เรียกเขาไปปรึกษาพูดคุยเป็ยรายชั่วโมงแล้วนะครับ เฮ้อ...เข้าเรื่องดีกว่าครับ
          ก่อนที่จะจ้าง "สถาปนิกออกแบบตกแต่งภายใน" คงต้องเกริ่นกันก่อนนะครับว่า.....ทำไม? ต้องจ้าง "สถาปนิกออกแบบตกแต่งภายใน" (ตรงนี้ใครอยากเรียน ทำอาชึพนี้ ท่านลองอ่านให้จบ แล้วลองทบทวนตัวเองดูอีกทีนะครับ ว่ายังอยากเป็น หรือทำอาชีพนี้อยู่หรือปล่าว)  ส่วนคุณลูกค้าก็ ขอความเมตตาเห็นใจกันบ้างนะครับ
            -ข้อแรกเลย ก็ท่านทำเองไม่ได้ไงครับ...อ้าวผู้เขียนกวนแล้วไง...จริงๆครับ ถ้าท่านทำเองได้แล้วจะมาจ้างทำไม ใช่มั๊ยครับ ที่จริงคือ จะบอกว่า "สถาปนิกออกแบบตกแต่งภายใน" นั้นกว่าจะจบหลักสูตร Interior Design Architecture มาได้ ก็หลักสูตร 5 ปีนะครับสำหรับบางสถาบัน เช่น ถาปัด ลาดกระบัง (ขอเรียกสั้นๆแนวๆนะครับ)
         -ข้อต่อมา "สถาปนิกออกแบบตกแต่งภายใน" ไม่ได้มีหน้าที่ไปออกแบบภาพงานสวยๆ ลงกระดาษ มาให้ท่านดูแล้วจบนะครับ อันที่จริงแล้ว มีรายละเอียดปลีกย่อยหยุมหยิม มากมาย ถ้าใครเคยสุงสิง กับ "สถาปนิกออกแบบตกแต่งภายใน" จะส่ายหน้าเลยว่า..อึดเนอะ!!! และบางงานที่เป็น Commercial ในการออกแบบยังต้องคำนึงถึงผลทางการตลาด ทางธุรกิจ ควบคู่การออกแบบไปด้วย เพื่อช่วยสร้างแรงจูงใจ ดึงดูดลูกค้าของท่านอีกตะหาก

         ทีนี้ลองมาดู Step งานคร่าวๆนะครับว่ามีอะไรบ้าง เช่น
         -เช็คพื้นที่งานออกแบบ โดยละเอียดทุกซอกทุกมุม เพื่อนำมาขึ้นแบบแปลน วางผังตำแหน่งเฟอร์นิเจอร์ให้ท่านดู
         -พูดคุย หา Theme Concept งานกับท่านด้วยรูปภาพตัวอย่างงานที่ต่างๆเพื่ปรับจูนความชอบของท่านให้เข้าใจว่าท่านต้องการรูปแบบงานแบบไหน สไตล์ไหน ถูกแพงยังไง จะได้ไม่เกินความต้องการ
         -ขึ้นแบบแปลนงานทั้งหมด ว่าตรงไหนเป็นอะไร ผิด ถูก จะได้ปรับแก้กันไปก่อนที่จะไปขั้นตอนต่อไป
         -เขียนภาพงาน 3D Perspective (รูปทัศนียภาพ งานตกแต่งภายใน) แสดงรายละเอียดเกือบทุกซอกทุกมุม แสดงสี รูปแบบงาน บรรยากาศเสมือนจริง (สมัยก่อน งานแบบนี้เขียนด้วยมือ 100% คิดดูว่าลำบากลำบนขนาดไหน บางงานแก้ไขกันทีแทบลมจับ) ซึ่งห้องนึง บางทีก็ต้องเขียนให้ดู 2-3 มุม บางบ้านทั้งงานเียนแทบสิบรูป
         -เลือกหาวัสดุอุปกรณ์ ที่ใช้ในงานมานำเสนอ เช่น ต.ย.ผ้าม่าน ผ้าบุเฟอร์ ต.ย.ไม้ ต.ย.Wall Paper สี กระเบื้อง (ผมเจอบ่อยครับ พาท่านเจ้าของงานไปสรุปเลือกกระเบื้องที่ร้านบุญถาวร ทั้งวันยังไม่จบก็มีครับ) สุขภัณฑ์ โคมไฟ ปลั๊ก มือจับประตู มือจับเฟอร์นิเจอร์ บลาๆๆ (มีอีกเยอะครับ)
         -เขียนแบบแสดงรายละเอียด แบบขยาย (Working Drawing) แสดงรายละเอียดของงานทั้งหมดที่เกิดขึ้น สำหรับให้ผู้รับเหมางาน ใช้ตีราคางาน และประกอบการทำงาน บางงานแบบหนาขนาดกระดาษ A3 เป็นร้อยกว่าหน้าขึ้นไป
         -ทำลิสต์รายการงาน ประกอบแบบเสนอราคา (B.O.Q) มี "สถาปนิกออกแบบตกแต่งภายใน" บางท่านไม่ทำให้ ซึ่งตรงนี้ ขอบอกเลยครับว่า แล้วท่านเจ้าของงาน จะเทียบราคาแต่ละผู้รับเหมางานได้ยังไง เพราะถ้าให้ผู้รับเหมางานต่างคนต่างเสนองานมา กระจายละครับ
         -ได้ราคางานรับเหมามาแล้ว ต้องร่วมตรวจสอบรายละเอียด พิจารณาคัดเลือกผู้รับเหมางาน กับเจ้าของงานอีก
         -ได้ผู้รับเหมางานมาทำงานแล้ว ต้องคอยเข้าหน้างาน มาดูแล ตรวจสอบการทำงาน คุณภาพงาน สเป็คงาน ความคืบหน้างาน เป็นระยะๆ (ผมเคยเจอบางงาน บ้านขนาดใหญ่ย่อมๆ กว่าจะจบงานได้ โดนไปสามปี ก็เคย แต่ที่ควรจะเป็น มีตั้งแต่ 4เดือน ถึง 1ปี) แต่ตรงนี้อย่าเข้าใจผิดนะครับ คือไม่ได้เป็นโฟร์แมนควบคุมงานนะครับ ตรงนี้เป็นหน้าที่ในส่วนของผู้รับเหมางานครับ แต่ถ้าเป็นงานเล็กๆ ส่วนใหญ่โฟร์แมนก็มักจะเป็นหัวหน้าช่างที่ทำงานอยู่ในไซต์งานละครับ
         -และระหว่างการทำงาน..เจ้าของงานก็มักจะมีเรื่องให้ทำงานเพิ่มครับ เช่น....ช่วยออกแบบตรงนั้นตรงนี้เพิ่มให้หน่อย ขอแก้ตรงนั้นตรงนี้หน่อย..งานงอกแต่คิดตังค์ไม่ได้นะครับส่วนใหญ่..เงิบไป
         -และเพื่อความสวยงามต่อเนื่อง ก็ต้องไปช่วยเลือกของแต่งบ้าน ตั้งแต่เฟอร์นิเจอร์ลอย โคมไฟ รูปภาพ ดอกไม้ ประตู แจกัน ดินทราย ต้นไม้ใหญ่ (เพ้อเจ้อแล้วครับ สองอย่างหลังนี่ แต่เคยนะครับเลือกต้นไม้ให้นี่ทำเป็นเล่นไป) จริงๆ
         -หลายครั้งนะครับ ที่เจ้าของงานไปเอาผู้รับเหมางานที่คิดว่าราคาโดนใจ มารับงานโดยไม่ให้ ดีไซน์เนอร์ร่วมตัดสินใจตรวจสอบ หรือเตือนแล้วก็ยังยอมเสี่ยง ผลคือไม่คุ้มเลยครับ พากันปวดหัว เครียด งานลากยาวกันเป็นปี แถมได้งานห่วยไม่สมราคา แต่ต้องทนอยู่กับบ้านหรืองานนั้นไปตลอด บางบ้านจ่ายไปเป็นหลักเจ็ดแปดเก้าล้านก็มี ดีไซน์เนอร์โดนหางเลขไปด้วย ค่าแบบไม่เหลือพอค่าน้ำมันยังเคย....เศร้าครับ

         สรุป....ใครที่เคยบอกว่าค่าแบบแพงจัง กระดาษไม่กี่แผ่นเอง หวังว่าอ่านจบแล้ว ท่านคงพอเห็นในความจริงของคนทำงานบ้างนะครับ  ใครที่อยากทำอาชีพนี้ อยากเรียน ท่านลองถามตัวเองดูก่อนนะครับ ว่า....ท่านรับได้กับงานจุกจิก ลงรายละเอียดเยอะๆ และต้องอยู่กับอารมณ์คนอื่นๆ(ลูกค้า)ไปแบบต่อเนื่อง และอาจจะยาวนาน ไหวมั๊ยครับ หลายๆคนต้องกล้ำกลืนฝืนทน กับการรับงานค่าแบบถูกแสนถูก บ้างก็โดนโกงค่าออกแบบก็มี ถ้ารับได้......ยินดีต้อนรับครับ มาร่วมชะตากรรมกัน เอวังชาวเรา สถาปนิก นักออกแบบตกแต่งภายใน ทั้งหลาย
If U want to see Sketchup Animation pls follow at 
ใครอยากดูแบบภาพเคลื่อนไหว Sketchup Animation งาน Interior ก็ที่นี่ครับ
Youtube Chanel: DAtelier Interior 
https://www.youtube.com/channel/UC2a_qS46gAISkLJ1byl5Y5A?view_as=subscriber
IG: datelier_interior

วันอาทิตย์ที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2562

Review Idea "แปลงตึกแถว มาเป็น Hostel ภาค3"

                                 
                                     สำหรับภาค 3 จะเป็นในส่วนของชั้น3 และชั้น 4 ครับ
             ชั้นนี้ เมื่อเดินขึ้นบันไดมา ก็จะจัดให้เป็นโถงส่วนกลางสำหรับนั่งเล่นพักผ่อน ก่อนเข้าห้อง ลักษณะเดียวกันกับชั้น 2 และจัดแบ่งพื้นที่ห้องพักเป็นสามห้องเหมือนกัน แต่กางจัดวางตำแหน่งเฟอร์นิเจอร์จะแตกต่างกันบ้างนิดหน่อย
             Bedroom5 ห้องพักส่วนนี้อยู่โซนด้านหน้าอาคาร การออกแบบก็จะใช้รูปแบบเดียวกับชั้นสอง ปรับจังหวะการใช้วัสดุปิดหน้าบานตู้ และวัสดุกรุตกแต่งนังหัวเตียง นังหัวเตียงด้านบนจะเจอปัญหาเรื่องโครงสร้างอาคาร มีค้ำยันปูนยื่นออกมาเป็นรูปคางหมู จึงต้องทำดีไซน์หุ้มให้ล้อกันมาขนานความกว้างหัวเตียง
             ผนังด้านปลายเตียงวางตู้เตี้ย ใช้ทีวียึดติดผนัง ตู้เสื้อผ้า หน้าบานตู้ปืดผิวด้วยแผ่นลามิเนตสีน้ำตาลเข้มสลับกับลามิเนตอลูมิเนียมลายลอนลูกฟูก
            Bedroom4 ห้องพักส่วนนี้อยู่โซนด้านหน้าอาคารเช่นกัน การออกแบบใช้ปรับจังหวะการสลับสีกับวัสดุให้เป็นคอนเซปเดียวกัน
             มุมด้านปลาบเตียงของห้องจะเห็นห้องน้ำ และโต๊ะทำงาน แต่งตัว ชุดวางทีวี ทางเข้าห้องขนาบด้วยตู้เสื้อผ้า ตู้เย็น โครงสร้างเพดานปูนเปลือยทาสีขาวเทา
           ชั้น4 แบ่งพื้นที่ห้องพักส่วนด้านหน้าอาคาร สองห้องเป็นแบบและดีไซน์เดียวกับห้องพักชั้น 3 แต่ส่วนด้านหลังอาคาร แบ่งเป็นห้องใหญ่แบบ VIP ROOM โดยที่ตัดเอาพื้นที่นั่งเล่นตรงโถงบันไดออก ให้เป็นส่วนหนึ่งของห้องไป
           Bedroom9  VIP ROOM ห้องพักส่วนนี้จัดแบ่งเป็นส่วนห้องนอน กับห้องนั่งเล่นโดยที่การออกแบบเน้นโทนสีที่นุ่มนวลขึ้นเป็นโทนสีเทาอ่อนโดยรวม ตัดกับสีครีม ผนังหัวเตียงกรุแผงไม้สีเทาเสมอขอบหน้าต่าง แบ่งพื้นที่ห้องด้วยตู้เสื้อผ้า 
           ห้องน้ำอยู่ด้านปลายเตียง มีมุมทำงาน แต่งตัวและตู้เสื้อผ้า ฝ้าเพดานกรุยิบซั่มบอร์ดทาสี เพราะชั้นนี้ โครงสร้างเป็นหลังคาเหล็ก ไม่เหมาะที่จะโชว์โครงสร้าง และมีความร้อนสูง เลยปิดแผ่นฝ้ากรุฉนวนกันความร้อน
          มุมห้องนั่งเล่นภายในห้อง VIP ก็จะมีชุดโต๊ะกลมสองที่นั่งสำหรับนั่งทานข้าวได้ กับตู้เก็บของ วางตู้เย็น ผนังเจาะช่องหน้าต่างสูงแทนที่หน้าต่างของเดิม ที่ดูอึดอัด
                   ห้องน้ำ ตกแต่งแบบเรียบง่าย ประหยัด ผนังปูกระเบื้องสีขาว สลับกับผนังปูนล๊อฟท์ สีครีม ใช้ม่านกั้นห้องอาบน้ำแทนกระจกกั้นห้อง
                  ก็จบแล้วครับ สำหรับแนวทางการตกแต่ง Service Apartment หรือโรงแรมขนาดเล็ก เอาไปปรับใช้กันได้นะครับ
If U want to see Sketchup Animation pls follow at 
ใครอยากดูแบบภาพเคลื่อนไหว Sketchup Animation งาน Interior มากกว่านี้ก็ที่นี่ครับ
Youtube Chanel: DAtelier Interior 
https://www.youtube.com/channel/UC2a_qS46gAISkLJ1byl5Y5A?view_as=subscriber
IG: datelier_interior

วันจันทร์ที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2562

Review Idea "แปลงตึกแถว มาเป็น Hostel ภาค2"


สำหรับภาค 2 จะเป็นในส่วนของชั้นสอง หรือว่าชั้นลอยของตัวตึกนั่นเองครับ
             โดยที่ชั้นนี้ เมื่อเดินขึ้นบันไดมา ก็จะจัดให้เป็นโถงส่วนกลางสำหรับนั่งเล่นพักผ่อน ก่อนเข้าห้อง โดยจัดแบ่งเป็นห้องพักสามห้อง ห้องน้ำในตัว โครงสร้างอาคารเดิมชั้นนี้ ไม่มีห้องน้ำให้นะครับ เลยต้องมาโมห้องน้ำเพิ่มเอาเอง สามห้องครับ
           สภาพโครงสร้างเดิมๆเลย ก่อนทำการออกแบบ เป็นหน้าต่างลอยจากพื้น ตามสไตล์ตึกแถวรุ่นเก่าเลยครับ ทั้งๆที่เป็นอาคารรุ่นใหม่ ตรงจุดนี้มปรับเจาะผนังแก้ไขแบบหน้าต่างเป็นบานเลื่อนสูงเต็มพื้น แล้วไปใส่ระเบียงเล็กๆเพิ่มด้านนอกเอาครับ
             นี่ครับ มุมเดียวกันเป๊ะเลย โถงบันไดทางเดินหน้าห้องพักชั้นสอง ออกแบบให้เป็นที่นั่งเล่น อ่านหนังสือ ราวบันไดของเดิม ทาสีดำ กับบันไดปูนล๊อฟท์ พื้นปูกระเบื้องแกรนิตโต้ สีเทาอ่อน เพดานโชว์โครงสร้าง ทาสี 
จัดวางชั้นวางหนังสือไม้สีเทาอ่อน ง่ายๆประหยัดงบนะครับ
 Bedroom1 ห้องพักส่วนนี้อยู่โซนด้านหน้าอาคาร เน้นการออกแบบประหยัดพื้นที่ใช้สอย ปลายเตียงออกแบบเป็นชั้นบางๆ ทีวียึดผนัง ตู้เสื้อผ้าสีเทาอ่อนสลับไม้สีเทาเข้ม 
รูปนี้ห้องเดียวกัน แต่ขยับมุมมองให้เห็นผนังหัวเตียง ทำสีปูนล๊อฟท์ วางชุดทำงาน แต่งตัว เพดานปูนเปลือยทาสีขาวเทา ติดแอร์เพดานเปลือยบอดี้แอร์เลยครับ
Bedroom 2 ห้องพักส่วนนี้ติดโซนด้านหน้าอาคาร อีกห้องหนึ่ง หัวเตียงจะหันติดหน้าต่างช่องแสงของอาคาร ติดมู่ลี่กันแสงที่หน้าต่าง ผนังปลายเตียงเป็นผนังห้องน้ำ จัดวางชุดทำงาน กับชั้นวางของ ทีวีติดผนัง
 Bedroom 3 ห้องพักห้องนี้อยู่โซนด้านหลังอาคาร หัวเตียงจะติดกับหน้าต่างด้านหลังอาคาร ผนังปลายเตียง เป็นห้องน้ำ จัดวางชั้นวางของเล็ก ทีวีติดผนัง
มุมนี้จะมองเห็นมุมแต่งตัวหน้าห้องน้ำ อยู่ตรงทางเข้าหน้าห้อง

ห้องน้ำภายในห้อง ของทั้งสามห้อง ก็จะตกแต่งแบบง่ายๆเหมือนกันทุกห้อง เจ้าของเน้นประหยัดงบครับ เลยใช้ผ้าม่านกั้นส่วนเปียกเอาไว้เท่านั้น
Concept โดยรวมของห้องพัก จะออกแบบให้มู๊ด โทน คล้ายๆกันทั้งหมดครับ เนื่องจากเป็นโครงการที่เจ้าของท่าน ประหยัดทั้งงบประมาณการออกแบบ และงบประมาณการก่อสร้างครับ
If U want to see Sketchup Animation pls follow at 
ใครอยากดูแบบภาพเคลื่อนไหว Sketchup Animation งาน Interior มากกว่านี้ก็ที่นี่ครับ
Youtube Chanel: DAtelier Interior 
https://www.youtube.com/channel/UC2a_qS46gAISkLJ1byl5Y5A?view_as=subscriber
IG: datelier_interior

วันพฤหัสบดีที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2562

Review Idea "แปลงตึกแถว มาเป็น Hostel ภาค1"

           
            ปัจจุบันนี้ ที่พักขนาดเล็กที่ดัดแปลงมาจากอาคารพาณิชย์ หรือว่าตึกแถวเก่าๆ กำลังได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ ด้วยว่าความนิยมของนักท่องเที่ยวมีมากขึ้นเรื่อยๆ นักลงทุนก็ไม่ต้องลงทุนมากเท่ากับการทำโรงแรมทั่วไป มีตึกแถวเก่าๆก็สามารถเอามาดัดแปลงทำได้ ขอแค่ทำเลน่าสนใจ

              สำหรับโครงการที่จะนำเสนอให้ดูคราวนี้ เป็นตึกแถวที่ก่อสร้างใหม่ย่านชานเมืองกรุงเทพแห่งหนึ่ง ลักษณะเหมือนโฮมออฟฟิต กึ่งๆค้าขายก็ได้ จุดหลักคืออยู่ใกล้ศูนย์ค้าส่งแห่งหนึ่งที่มีกำลังซื้อ มีชาวต่างชาติ และชาวต่างจังหวัด ที่ต้องมาหาที่พักทั้งรายวัน และรายเดือน ซึ่งเป็นโจทย์ในการออกแบบครั้งนี้  เจ้าของตึก มีกลุ่มลูกค้าที่ต้องมาอาศัยเช่าเป็นรายสัปดาห์ กับรายเดือนเป็นหลัก ทีแรกว่าจะเป็นโฮสเทลเต็มตัว แต่ดูๆแล้วน่าจะเป็นโฮสเทล กึ่ง เซอร์วิสอพาร์ทเม้นต์ น่าจะเหมาะกว่า
              ตัวตึกเป็นอาคารสี่ชั้น 2ห้องหัวมุมแรก ของโครงการเลย ดูจากรูปถ่ายจะเห็นว่าผนังด้านข้างที่ว่างเป็นนังทึบทั้งหมด ไม่มีการเจาะช่องหน้าต่างใดๆเลยครับ แต่ที่ด้านข้างเป็นที่ ที่เจ้าของโครงการซื้อรวมอยู่ในพื้นที่ด้วย เลยมีแนวคิดว่าอยากจะเจาะทะลุทำเป็นเอาท์ดอร์ไป รวมถึงการเจาะช่องหน้าต่างขั้นบน ของห้องพักให้ดูไม่ทึบตันด้วย
ด้านหน้าตัวอาคาร ของเดิมๆเป็นแบบนี้ครับ มองไปจะเห็นชั้นลอย ซึ่งก็คือชั้นสอง แต่เพดานค่อนข้างเตี้ยเหมือนชั้นลอยครับ
             อันนี้เป็นแบบแปลนชั้นแรกครับ ทางเข้าอยู่ด้านขวาล่าง เปิดเข้ามาจะเจอกับโต๊ะลงทะเบียน และเคาน์เตอร์กาแฟเครื่องดื่ม ด้านหลังกั้นส่วนเป็นครัวเล็กๆ บวกที่ทำงาน
             ทางเข้าด้านหน้า ผมออกแบบให้มีป้ายชื่อโรงแรมคาดตรงระหว่างเสาเบรกช่วงชั้นล่างกับชั้นสอง ประดับด้วยไฟส่องป้ายและไฟที่เสาอาคาร ให้ดูมีมิติขึ้น
             พื้นที่ด้านข้างจากเดิมที่เป็นผนังทึบ เจาะเป็นช่องทางเดินเชื่อมออกมาเป็นระเบียง Out-door ทำหลังคาโครงสร้างไม้เทียม มุงด้วยกระเบื้องกึ่งโปร่งแสง จัดวางเป็นโต๊ะกาแฟ อาหารเช้า หรือบาร์ตอนเย็น
              มุมเชื่อมต่อมาที่ด้านหลังอาคาร แต่มุมด้านหลังนี่ จริงๆแล้วจะมีแนวกำแพงด้านหลังอาคารบังอยู่ กั้นแนวอาคารกับถนนซอยด้านหลัง
              มุมมองอาคารด้านหลัง แบบเต็มๆ จะเห็นระเบียงที่ยื่นออกมาวางคอยล์ร้อนของแอร์ ผมดีไซน์ตัวราวเหล็ก มาทำให้เหมือนเป็นราวกันตก ส่วนด้านที่เห็นวิวข้างอาคารก็เจาะผนังให้ถึงพื้นเพื่อจะได้ดูเหมือนบ้านมากกว่าตึกครับ
             ส่วนล๊อบบี้ กับนั่งพักคอย ทำเป็นเหมือนห้องสมุด จิบเครื่องดื่มชา กาแฟ โครงเพดานเปลือยโครงสร้างทาสีเทาดำ เน้นคอนเซ็ปงานล๊อฟท์ ผนังปูอิฐเทียม กับปูนล๊อฟท์
             มุมนั่งเล่นด้านหลัง ก่อนเดินขึ้นบันไดไปชั้นสอง จัดชุดโซฟาสีส้มเหลืองสะดุดตา หลังกำแพงข้างบันได เป็นห้องน้ำ ที่นี่ไม่มีลิฟท์นะครับ
             ห้องน้ำอยู่ใต้บันได เป็นห้องน้ำรวมเพียงห้องเดียวของชั้นนี้ครับ ผนังโดยรอบก็เน้นการฉาบด้วยปูนล๊อฟท์ครับ โดยรวมของพื้นที่ชั้นแรกก็จบตรงนี้ครับ ค่อยมาว่ากันต่อชั้นสอง ตอนหน้าครับ
If U want to see Sketchup Animation pls follow at 
ใครอยากดูแบบภาพเคลื่อนไหว Sketchup Animation งาน Interior มากกว่านี้ก็ที่นี่ครับ
Youtube Chanel: DAtelier Interior 
https://www.youtube.com/channel/UC2a_qS46gAISkLJ1byl5Y5A?view_as=subscriber
IG: datelier_interior