ว่ากันมายาวจนตอนที่สามแล้วนะครับ มีสาระบ้าง ไร้สาระบ้างไม่ว่ากันนะครับ
อื่นๆเช่น ดารา นักออกแบบสายอื่นๆ(บลาๆๆๆ)
ข้อนี้ขอเหมารวมๆละกันครับ มีดาราบางท่าน ไม่ได้จบสายงานด้าน "Interior Designer" มาโดยตรง แต่ไม่แน่ใจว่า ท่านจบเกี่ยวข้องทางด้านศิลป ด้านไหนมาหรือปล่าวนะครับ ก็เริ่มจากชอบจัดบ้าน แต่งบ้าน เริ่มทำให้คนในวงการ จนภายหลังได้ลงนิตยสารตกแต่งบ้าน เลยเถิดไปจนน่าจะทำเป็นอาชีพเสริม หรืออาชีพหลัก อันนี้ไม่แน่ใจ แต่ก็ทำจนเป็นเรื่องเป็นราวไปแล้ว ถ้าท่านเคยได้ยินคำว่า "Decorator" ก็น่าจะเข้าข่ายประเภทนี้ละครับ คือชอบและรัก "การตกแต่งบ้าน" ทำบ่อยๆเข้า จนชำนาญ มีทักษะ กลายเป็นนักแต่งบ้านตัวยง ก็ประเภทหนึีง
ส่วนอีกประเภทก็คือ คนที่ทำงานสายงานศิลปอื่นๆ แต่อาศัยหัวศิลป บวกความชอบ ทำแล้วมีคนเห็น เอามาเผยแพร่ จนคนชอบก็มี เพื่อนผมท่านหนึ่ง จบด้านออกแบบผลิตภัณฑ์ ทำไปทำมา หันเหมารับงาน "Interior Design" จนเป็นงานหลักไปแล้ว
อีกประเภทก็ พวกที่จบมาจากสถาบันที่รับสอนวิชา ออกแบบตกแต่งภายใน ทั้งคอร์สเล็ก คอร์สใหญ๋ ทั้งที่รับรอง และไม่รับรอง อันนี้แล้วแต่ท่านจะไปเจอะเจอกันนะครับ
.........................................................................................
สรุปว่า....อาชีพนักออกแบบ ตกแต่งภายใน นั้น คงจะคล้ายๆกับอาชีพอื่นๆ อีกหลายอาชีพ ที่บ้านเรานั้น ทำกันโดยไม่มีการควบคุม(ยกเว้นหน่วยงานบางหน่วยงาน ถ้าคิดจะรับงานเขา เขาจะมีมาตรฐาน การตรวจสอบผู้รับงาน ว่าต้องมีดีกรี ขนาดไหน เหมือนบางคนไม่ได้จบด้านหมอศัลมา แต่รับฉีดโบท๊อกส์ ยังทำกันไปได้ ประเทศสาระขันนี่แหล่ะ) เอาเป็นว่า พิจารณาเลือกใช้กันตามสะดวกนะครับ แต่ข้อที่ควรพิจารณา ก่อนจะตัดสินใจเลือกใช้ใครก็ตาม ท่านควรจะ
1.สำรวจความต้องการของท่านก่อนนะครับ ว่าท่านรับได้กับการจ่ายค่าใช้บริการแบบไหน ประหยัดงบมากยิ่งเสี่ยง(ของดีแต่ถูก มี แต่หายากหน่อย) พอมีงบจ่ายมาก เสี่ยงน้อย(แต่ใช่ว่าไม่มีความเสี่ยง) ลองดูข้อถัดไปครับ
2.เห็นผลงานการออกแบบที่ผ่านมาก่อนนะครับว่า สวยงามถูกใจท่านรึยัง ดูทั้งงานออกแบบและงานที่เสร็จแล้วจริงๆ ยิ่งไปดูสถานที่จริงที่เป็นผลงานของผู้ที่ท่านพึงใจได้ยิ่งดี ควรมีให้ดูนะครับ
3.คุยรายละเอียดเรื่อง วิธีการทำงาน ขั้นตอนงาน ค่าใช้จ่ายที่มี ขั้นตอนการจ่ายเงิน ให้เรียบร้อยก่อนตกลงปลงใจว่าจ้างให้ทำงานนะครับ
4.สำหรับคนงบน้อยจริงๆที่ไม่ต้องการจ่ายค่าออกแบบ แต่อยากได้งานที่ผ่านการออกแบบมาจริงๆ (เฉพาะงานบ้าน คอนโด ขนาดย่อมๆ) ผมแนะนำให้เอาแบบแปลน ไปให้บริษัทขายเฟอร์นิเจอร์เจ้าดังในห้าง นะครับ เขาออกแบบให้ท่านฟรี บนเงื่อนไข ข้อจำกัดบางอย่าง และในงบประมาณที่ท่านตัดสินใจได้ ปรับเปลี่ยนได้ จนท่านพอใจ (แต่อย่าเปลี่ยนบ่อยมาก ประเภทเปลี่ยนไป เปลี่ยนมานี่ เด็กที่เขาทำงานให้ท่าน จะพาลเส้นโลหิตในสมองปูดบวมได้ครับ)
ครั้งหน้า...ผมจะขยายความเรื่อง บริษัทขายเฟอร์นิเจอร์ที่รับออกแบบให้ฟรี นะครับ ว่ามีข้อควรรู้ในการเลือกใช้บริการอย่างไร
My Interior Design Blog U Can Visit My Port Folio At IG: datelier_interior or for Animation at Youtube: DAtelier Interior
วันจันทร์ที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2562
ตกแต่งภายใน ต้องจ้างใครดี (Part 2)
มาว่ากันต่อจากเนื้อหาคราวที่แล้วกันครับ
ผู้รับเหมางานตกแต่งภายใน(Contractor)
อันที่จริงแล้ว ชื่อก็บอกอยู่แล้วนะครับว่า "ผู้รับเหมางาน" แต่ความจริงก็คือ มีผู้รับเหมางานหลายๆราย พยายามรวบงานออกแบบไปด้วย ด้วยเหตุผลทางเศรษฐกิจว่า..."กลัวลูกค้าผู้ว่าจ้างเปลืองตังค์ค่าออกแบบ(อันที่จริงกลัวไม่ได้งานรับเหมาน่ะครับ)เลยเสนอว่า รับออกแบบให้ฟรีด้วย ไม่คิดค่าออกแบบ บ้างถึงกับยอมออกแบบให้ดูก่อน(มีเยอะนะครับ) ซึ่งถ้าท่านลูกค้าเห็นแก่ของไม่เสียตังค์ ผู้รับเหมางานก็มักจะไปไหว้วานทีมงานที่พอรู้จักกัน เช่นดีหน่อยก็วาน "Intrior Designer" ดีลงมาหน่อยก็ "Draftman" ซึ่งโดยมากผู้รับเหมางาน เขาจะบอกท่านว่า ใช้ช่างแบบ(อันนี้ ผู้รับเหมาเขานิยมเรียก "Interior Designer" ว่า "ช่างแบบ" นะครับ เท่ห์ชะมัดนายช่าง) ซึ่งกรณีนี้ ไม่ใช่ว่าไม่มียอดฝีมือแฝงอยู่ในระบบนี้ มีครับ แต่ท่านก็ต้องมีโชค มีดวง มีบารมี ในการใช้งานผู้คนอยู่พอสมควรนะครับ
-ข้อดีคือ ถ้าท่านโชคดี ท่านอาจได้ราคางานที่ถูกใจท่าน..ข้อนี้ตรงประเด็นสุดๆ
-ข้อเสียคือ (ให้ท่านลองเจอกับตัวเองดูดีกว่า) ประเด็นแรกเลยคือท่านไม่สามารถตรวจสอบได้ว่า ราคาที่ผู้รับเหมาเสนอมานั้น ถูก..ใจท่านจริงหรือปล่าว มีบางท่านคิดว่าเอาแบบไปให้ผู้รับเหมาเจ้าอื่น เสนอราคามาเทียบก็ได้...ช้าก่อนนะครับ แบบที่เขาออกแบบมาให้ท่านฟรีนั้น ส่วนมาก...จะไม่ระบุรายละเอียดของงานให้ท่านเอาไปใช้ง่ายๆหรอกครับ (ของฟรีใครว่าไม่มีในโลก ผมขอเถียงครับ) และแม้ว่าจะมีผู้รับเหมาเจ้าใหม่มารับแบบนั้นไปเสนอราคา ด้วยความอยากได้งาน...ผลคือเขาจะคิดราคางานเพื่อให้ได้งานยังไงดีละครับ ไม่ยากนะครับลองจินตนาการเอาดูเถอะครับ..สเป็คไม่มี รายละเอียดไม่มี....สนุกละครับ
แต่พูดไปเถอะครับ ผมอยู่วงการนี้มายี่สิบกว่าปีแล้ว(เป็นมนุษย์ลุง) ตั้งแต่เริ่มทำงานปีแรก จนปัจจุบันนี้ เคสแบบนี้ไม่เคยหมดไปครับ ใครเคยมีประสพการณ์ที่ดี จบสวย ผมว่าคุณเนี่ยโชคดีสุดๆ ทำบุญเก่ามาดีครับ ใครเป็นผู้รับเหมาที่ใช้วิธีนี้อยู่ ก็อย่าโกรธผมเลยครับ ผมไม่ได้ว่าไม่ดีทั้งหมด คนที่ดีๆมีความรับผิดชอบก็มีครับ เหมือนท่านที่เป็น "ช่างแบบ" ไม่ดีก็มีครับ ไม่เหมารวมเข่งครับ (แฮะๆตบหัวแล้วลูบหลังเฉยเลย)
ช่างเขียนแบบ(Draftman)
อ่านว่า ช่าง..เขียน..แบบ นะครับ ไม่ใช่ "ช่างแบบ"ที่ผู้รับเหมางานเขาหมายความถึง ที่จริงช่างเขียนแบบ นี่โดยสายงานแล้วจัดได้ว่า เป็นพี่เป็นน้องกันกับ "Interior Designer" เรียกได้ว่าผีเน่ากับโลงผุ...เอ้ย..ไม่ใช่ครับ เป็นพี่เป็นน้องกันดีแล้วครับ คือโดยขั้นตอนงานหลังจาก "Interior Designer" ออกแบบหน้าตางานมาให้ท่านเจ้าของบ้านดูแล้ว ตกลงเห็นชอบแล้ว คิดว่าจะไม่แก้ไขแล้ว(โดยหลักๆ..จะไม่แก้ไข..เล็กน้อยอาจจะแก้..หุหุ) "Interior Designer" ก็จะส่งไม้ต่อให้ ช่างเขียนแบบ ไปเขียนแบบขยายรายละเอียด ระบุขนาดสัดส่วน ชนิด เสป็ค ของวัสดุต่างๆลงในแบบ เพื่อให้เป็นแบบเอกสารกำกับงานกับ ผู้รับเหมางาน เสนอราคางาน และใช้ทำงาน
ทีนี้ ด้วยความที่ช่างเขียนแบบ ทีแก่พรรษางานหน่อย เขาเห็นงานออกแบบผ่านตามากๆเข้า (และบ้างครั้ง เหล่าผู้กล้า "Interior Designer" ทำงานไม่ทัน ก็มักจะเป็นผู้โยนงานให้ช่วย) จึงเป็นที่มาว่า บ้างครั้งเจอผู้รับเหมางาน ไหว้วาน ให้ช่วยออกแบบงานในราคาฉันมิตรภาพให้หน่อย เมื่อสายน้ำมาบรรจบพบกัน ในคืนร้าวราน..(อย่าซีเรียสครับ) จึงจับมือร่วมหอลงโรงกันเสร็จสมดังใจครับ
-ข้อดีคือ..ท่านไปคิดเอาเองเหอะครับ แต่ผมจะบอกว่า...ผมมีลูกน้องเก่าผมบางคน ที่เป็นช่างเขียนแบบ นี่แหล่ะครับ แกมีใจรัก ขยันใฝ่หาทักษะความรู้ จนได้รับความไว้วางใจ ก้าวข้ามไปทำงานออกแบบ ซึ่งผมก็ว่าสอบผ่านใช้ได้เลยครับ
-ข้อเสียคือ..ความเสี่ยงยังคงมีอยู่...ตาดีได้..ตาร้าย..ต้องไปรักษานะครับ
ผู้รับเหมางานตกแต่งภายใน(Contractor)
อันที่จริงแล้ว ชื่อก็บอกอยู่แล้วนะครับว่า "ผู้รับเหมางาน" แต่ความจริงก็คือ มีผู้รับเหมางานหลายๆราย พยายามรวบงานออกแบบไปด้วย ด้วยเหตุผลทางเศรษฐกิจว่า..."กลัวลูกค้าผู้ว่าจ้างเปลืองตังค์ค่าออกแบบ(อันที่จริงกลัวไม่ได้งานรับเหมาน่ะครับ)เลยเสนอว่า รับออกแบบให้ฟรีด้วย ไม่คิดค่าออกแบบ บ้างถึงกับยอมออกแบบให้ดูก่อน(มีเยอะนะครับ) ซึ่งถ้าท่านลูกค้าเห็นแก่ของไม่เสียตังค์ ผู้รับเหมางานก็มักจะไปไหว้วานทีมงานที่พอรู้จักกัน เช่นดีหน่อยก็วาน "Intrior Designer" ดีลงมาหน่อยก็ "Draftman" ซึ่งโดยมากผู้รับเหมางาน เขาจะบอกท่านว่า ใช้ช่างแบบ(อันนี้ ผู้รับเหมาเขานิยมเรียก "Interior Designer" ว่า "ช่างแบบ" นะครับ เท่ห์ชะมัดนายช่าง) ซึ่งกรณีนี้ ไม่ใช่ว่าไม่มียอดฝีมือแฝงอยู่ในระบบนี้ มีครับ แต่ท่านก็ต้องมีโชค มีดวง มีบารมี ในการใช้งานผู้คนอยู่พอสมควรนะครับ
-ข้อดีคือ ถ้าท่านโชคดี ท่านอาจได้ราคางานที่ถูกใจท่าน..ข้อนี้ตรงประเด็นสุดๆ
-ข้อเสียคือ (ให้ท่านลองเจอกับตัวเองดูดีกว่า) ประเด็นแรกเลยคือท่านไม่สามารถตรวจสอบได้ว่า ราคาที่ผู้รับเหมาเสนอมานั้น ถูก..ใจท่านจริงหรือปล่าว มีบางท่านคิดว่าเอาแบบไปให้ผู้รับเหมาเจ้าอื่น เสนอราคามาเทียบก็ได้...ช้าก่อนนะครับ แบบที่เขาออกแบบมาให้ท่านฟรีนั้น ส่วนมาก...จะไม่ระบุรายละเอียดของงานให้ท่านเอาไปใช้ง่ายๆหรอกครับ (ของฟรีใครว่าไม่มีในโลก ผมขอเถียงครับ) และแม้ว่าจะมีผู้รับเหมาเจ้าใหม่มารับแบบนั้นไปเสนอราคา ด้วยความอยากได้งาน...ผลคือเขาจะคิดราคางานเพื่อให้ได้งานยังไงดีละครับ ไม่ยากนะครับลองจินตนาการเอาดูเถอะครับ..สเป็คไม่มี รายละเอียดไม่มี....สนุกละครับ
แต่พูดไปเถอะครับ ผมอยู่วงการนี้มายี่สิบกว่าปีแล้ว(เป็นมนุษย์ลุง) ตั้งแต่เริ่มทำงานปีแรก จนปัจจุบันนี้ เคสแบบนี้ไม่เคยหมดไปครับ ใครเคยมีประสพการณ์ที่ดี จบสวย ผมว่าคุณเนี่ยโชคดีสุดๆ ทำบุญเก่ามาดีครับ ใครเป็นผู้รับเหมาที่ใช้วิธีนี้อยู่ ก็อย่าโกรธผมเลยครับ ผมไม่ได้ว่าไม่ดีทั้งหมด คนที่ดีๆมีความรับผิดชอบก็มีครับ เหมือนท่านที่เป็น "ช่างแบบ" ไม่ดีก็มีครับ ไม่เหมารวมเข่งครับ (แฮะๆตบหัวแล้วลูบหลังเฉยเลย)
ช่างเขียนแบบ(Draftman)
อ่านว่า ช่าง..เขียน..แบบ นะครับ ไม่ใช่ "ช่างแบบ"ที่ผู้รับเหมางานเขาหมายความถึง ที่จริงช่างเขียนแบบ นี่โดยสายงานแล้วจัดได้ว่า เป็นพี่เป็นน้องกันกับ "Interior Designer" เรียกได้ว่าผีเน่ากับโลงผุ...เอ้ย..ไม่ใช่ครับ เป็นพี่เป็นน้องกันดีแล้วครับ คือโดยขั้นตอนงานหลังจาก "Interior Designer" ออกแบบหน้าตางานมาให้ท่านเจ้าของบ้านดูแล้ว ตกลงเห็นชอบแล้ว คิดว่าจะไม่แก้ไขแล้ว(โดยหลักๆ..จะไม่แก้ไข..เล็กน้อยอาจจะแก้..หุหุ) "Interior Designer" ก็จะส่งไม้ต่อให้ ช่างเขียนแบบ ไปเขียนแบบขยายรายละเอียด ระบุขนาดสัดส่วน ชนิด เสป็ค ของวัสดุต่างๆลงในแบบ เพื่อให้เป็นแบบเอกสารกำกับงานกับ ผู้รับเหมางาน เสนอราคางาน และใช้ทำงาน
ทีนี้ ด้วยความที่ช่างเขียนแบบ ทีแก่พรรษางานหน่อย เขาเห็นงานออกแบบผ่านตามากๆเข้า (และบ้างครั้ง เหล่าผู้กล้า "Interior Designer" ทำงานไม่ทัน ก็มักจะเป็นผู้โยนงานให้ช่วย) จึงเป็นที่มาว่า บ้างครั้งเจอผู้รับเหมางาน ไหว้วาน ให้ช่วยออกแบบงานในราคาฉันมิตรภาพให้หน่อย เมื่อสายน้ำมาบรรจบพบกัน ในคืนร้าวราน..(อย่าซีเรียสครับ) จึงจับมือร่วมหอลงโรงกันเสร็จสมดังใจครับ
-ข้อดีคือ..ท่านไปคิดเอาเองเหอะครับ แต่ผมจะบอกว่า...ผมมีลูกน้องเก่าผมบางคน ที่เป็นช่างเขียนแบบ นี่แหล่ะครับ แกมีใจรัก ขยันใฝ่หาทักษะความรู้ จนได้รับความไว้วางใจ ก้าวข้ามไปทำงานออกแบบ ซึ่งผมก็ว่าสอบผ่านใช้ได้เลยครับ
-ข้อเสียคือ..ความเสี่ยงยังคงมีอยู่...ตาดีได้..ตาร้าย..ต้องไปรักษานะครับ
ตกแต่งภายใน ต้องจ้างใครดี (Part 1)
สืบเนื่องจากบทความที่แล้วนะครับ "คนรักบ้านทั้งหลาย" ทำไม...ใครๆก็รับงานออกแบบตกแต่งภายในกันได้
-สถาปนิก "Architect"
-สถาปนิกออกแบบภายใน เรียกสั้นๆ "Interior" หรือ (มัณฑนากร)
-ผู้รับเหมาตกแต่งภายใน "Interior Contractor"
-ดร๊าฟแมน "Draftman"หรือ (ช่างเขียนแบบตกแต่งภายใน)
-ดารา หรือ บลาๆๆ "Etc"
มาดูกันครับว่า แล้วจะตัดสินใจเลือกใช้ใคร อย่างไรดี
สถาปนิก หรือ "Architect"
ถ้าท่านจ้างสถาปนิก เป็นผู้ออกแบบตัวบ้าน หรือาคารของท่านอยู่แล้ว ส่วนใหญ่สถาปนิก มักจะเสนองานออกแบบภายในให้ท่านด้วย ขึ้นอยู่กับว่าท่านจะพึงพอใจเลือกใช้หรือไม่ โดยที่สถาปนิกนั้น ก็จะมีทั้งออกแบบเองเลย หรือมีทีมงานออกแบบภายในเอง หรือส่งต่อให้เพื่อนฝูงที่เป็น Interior Designer รับช่วงต่อ
-ข้อดีคือ การประสานงาน รวมถึงขั้นตอนการออกแบบภายใน จะสอดคล้องกัน ลดการทำงานแก้ไขลง เพราะสถาปนิกจะประสานงานกับ Interior ในเรื่องการจัดวางแบบแปลนเฟอร์นิเจอร์ ตั้งแต่เนิ่นๆ (ทั้งนี้คือบนเงื่อนไข ท่านได้คนรับผิดชอบงานนะครับ)
-ข้อเสียคือ อันนี้เหมาะกับผู้มีตังเยอะหน่อยนะครับ...อ้าว..ก็เพราะใครที่สามารถจ้างนักออกแบบได้ครบทั้งกระบวนการ โดยมากแล้ว..กระเป๋าหนักครับ และถ้าสถาปนิกท่านออกแบบภายในเอง อันนี้ท่านต้องขอดูผลงานด้วยนะครับ ถูกใจกันแล้วก็...จรดปากกาเซ็นสัญญาได้เลยครับ
Interior Designer หรือ "สถาปนิกออกแบบภายใน" หรือ "มัณฑนากร"
Interior โดยหลักแล้วเป็นผู้รับไม้ต่อโดยตรงจากสถาปนิกครับ โดยที่งานออกแบบภายในนั้น มีหลากหลายมาก เช่นสำนักงาน บ้านพักอาศัย คอนโด โรงแรม รีสอร์ท โรงพยาบาล ร้านค้า ร้านอาหาร บลาๆๆ
จะเห็นว่ามีงานปลีกย่อยที่เกินกว่าสถาปนิกจะรับมือได้ เพราะงาน Interior Design นั้นค่อนข้างละเอียด จุกจิกมากกกก เช่น งานร้านอาหาร โรงพยาบาล บลาๆๆ และโดยเนื้อหาของงานจริงๆแล้ว จุกจิกถึงขั้นต้องเลือกวัสดุ อุปกรณ์ แทบทุกอย่างให้ท่านเจ้าจองงานอนุมัติ เช่น เลือกผ้าม่าน แบบม่าน อุปกรณ์มือจับเฟอร์นิเจอร์...เอาไว้จะเล่าให้ฟังถึงรายละเอียดงาน หน้าที่ ของ Interior Designer นะครับ
-ข้อดีคือ เชี่ยวชาญในงานออกแบบภายในไงครับ
-ข้อเสีย ก็เหมือนๆทุกอาชีพละครับ คือ ถ้าท่านโชคร้าย ได้คนไม่มีคุณภาพ ท่านจะพาลหัวเสียเอาสิครับ
-สถาปนิก "Architect"
-สถาปนิกออกแบบภายใน เรียกสั้นๆ "Interior" หรือ (มัณฑนากร)
-ผู้รับเหมาตกแต่งภายใน "Interior Contractor"
-ดร๊าฟแมน "Draftman"หรือ (ช่างเขียนแบบตกแต่งภายใน)
-ดารา หรือ บลาๆๆ "Etc"
มาดูกันครับว่า แล้วจะตัดสินใจเลือกใช้ใคร อย่างไรดี
สถาปนิก หรือ "Architect"
ถ้าท่านจ้างสถาปนิก เป็นผู้ออกแบบตัวบ้าน หรือาคารของท่านอยู่แล้ว ส่วนใหญ่สถาปนิก มักจะเสนองานออกแบบภายในให้ท่านด้วย ขึ้นอยู่กับว่าท่านจะพึงพอใจเลือกใช้หรือไม่ โดยที่สถาปนิกนั้น ก็จะมีทั้งออกแบบเองเลย หรือมีทีมงานออกแบบภายในเอง หรือส่งต่อให้เพื่อนฝูงที่เป็น Interior Designer รับช่วงต่อ
-ข้อดีคือ การประสานงาน รวมถึงขั้นตอนการออกแบบภายใน จะสอดคล้องกัน ลดการทำงานแก้ไขลง เพราะสถาปนิกจะประสานงานกับ Interior ในเรื่องการจัดวางแบบแปลนเฟอร์นิเจอร์ ตั้งแต่เนิ่นๆ (ทั้งนี้คือบนเงื่อนไข ท่านได้คนรับผิดชอบงานนะครับ)
-ข้อเสียคือ อันนี้เหมาะกับผู้มีตังเยอะหน่อยนะครับ...อ้าว..ก็เพราะใครที่สามารถจ้างนักออกแบบได้ครบทั้งกระบวนการ โดยมากแล้ว..กระเป๋าหนักครับ และถ้าสถาปนิกท่านออกแบบภายในเอง อันนี้ท่านต้องขอดูผลงานด้วยนะครับ ถูกใจกันแล้วก็...จรดปากกาเซ็นสัญญาได้เลยครับ
Interior Designer หรือ "สถาปนิกออกแบบภายใน" หรือ "มัณฑนากร"
Interior โดยหลักแล้วเป็นผู้รับไม้ต่อโดยตรงจากสถาปนิกครับ โดยที่งานออกแบบภายในนั้น มีหลากหลายมาก เช่นสำนักงาน บ้านพักอาศัย คอนโด โรงแรม รีสอร์ท โรงพยาบาล ร้านค้า ร้านอาหาร บลาๆๆ
จะเห็นว่ามีงานปลีกย่อยที่เกินกว่าสถาปนิกจะรับมือได้ เพราะงาน Interior Design นั้นค่อนข้างละเอียด จุกจิกมากกกก เช่น งานร้านอาหาร โรงพยาบาล บลาๆๆ และโดยเนื้อหาของงานจริงๆแล้ว จุกจิกถึงขั้นต้องเลือกวัสดุ อุปกรณ์ แทบทุกอย่างให้ท่านเจ้าจองงานอนุมัติ เช่น เลือกผ้าม่าน แบบม่าน อุปกรณ์มือจับเฟอร์นิเจอร์...เอาไว้จะเล่าให้ฟังถึงรายละเอียดงาน หน้าที่ ของ Interior Designer นะครับ
-ข้อดีคือ เชี่ยวชาญในงานออกแบบภายในไงครับ
-ข้อเสีย ก็เหมือนๆทุกอาชีพละครับ คือ ถ้าท่านโชคร้าย ได้คนไม่มีคุณภาพ ท่านจะพาลหัวเสียเอาสิครับ
วันอาทิตย์ที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2561
Review Idea "ดัดแปลงระเบียงบ้าน เปลี่ยนเป็นห้อง Bar"
เมื่อไม่นานมานี้ ผมได้รับงานน่าสนใจอยู่งานหนึ่ง เป็นบ้านเดี่ยวสองชั้น ในหมู่บ้านหรู ย่านบางนา ใกล้ห้างดัง ตัวบ้านมีพื้นที่อาณาบริเวณกว้างขวางพอประมาณ เป็นของชาวต่างชาติ โจทย์คือ มีระเบียงบ้านชั้นบน และล่าง ที่ตั้งอยู่บนโครงสร้างตัวบ้านอยู่แล้ว แต่อยากกั้นเป็นห้อง ชั้นล่างทำเป็นห้องบาร์เครื่องดื่ม สังสรรค์กับเพื่อน ส่วนชั้นบน กั้นเป็นห้องยิมเล็กๆ โดยที่ต้องการให้นำเอาประตูหน้าต่างเดิมของตัวบ้านที่มีอยู่แล้ว โยกย้ายมาใช้กับส่วนที่กั้นขึ้นมาใหม่ มีเพิ่มเติมทำใหม่แค่บางชุด ความง่ายคือ โครงสร้างเดิมที่ไม่ต้องไปยุ่งกับงานต่อเติม ความยากคือ ต้องอาศัยผู้รับเหมางานก่อสร้างที่มีประสพการณ์และฝีมือ ทั้งในการทำงาน และ การตามล่าสเป๊คเดิมของประตูหน้าต่าง สีทาตัวบ้านเพื่อเทียงเคียงของเดิม ซึ่งงานนี้ก็โชคดีที่ได้ตามจุดประสงค์ทุกอย่าง จบงานเจ้าของบ้านพอใจ เพราะคุ้นเคยกับผู้รับเหมารายนี้เป็นอย่างดี ลองมาดูผลงานกันครับ
รูปแรกนี่เป็นภาพนำเสนอ Idea การดัดแปลง การกั้นแบ่งช่องประตูหน้าต่างใหม่ โดยดึงเอาของเดิมที่มีอยู่ มาจัดวางให้ได้ลงตัว มีเพิ่มเติมบ้างนิดหน่อย กับการดีไซน์คิ้วบัวของตัวบ้านให้ลงตัว
อันนี้ เป็นภาพตัวบ้านเดิม โดยชั้นล่างจะเป็นระเบียงที่ต่อเนื่องมาจาก ห้องทานอาหาร ส่วนชั้นบนจะเป็นระเบียงที่ต่อมาจากห้องนอนใหญ่
อันนี้เป็นระเบียงชั้นสอง ก่อนทำการเปลี่ยนแปลงนะครับ ก็ต้องมาคิดว่าตรงเสากลมนี่จะทำอย่างไร ในทีแรก ก็ตกลงจัดการหุ้มทับเลยครับ
ภาพนี้เป็นภาพงานจริง หลังจากทำการก่อกั้นผนัง ย้าย ทุกอย่างแล้ว ดูเหมือนง่ายนะครับ แต่เชื่อเหอะ ถ้าคุณได้ผู้รับเหมาที่ไม่ดี งานจะกลายเป็นงานหินทันที
ตรงนี้เป็นระเบียงชั้นล่าง ต่อเนื่องมาจากห้องอาหาร ประตูเลื่อนชุดที่เห็นคือ ย้านมาใช้กั้นใหม่
ภาพ Ideaการออกแบบมุมเคาน์เตอร์บาร์ เป็นงานเรียบหรูด้วยวัสดุหินอ่อน หินแกรนิต ด้านหลังทำตู้โชว์เครื่องดิ่ม กรุด้วยกระจกเงา ขวามือเป็นส่วนต่อเนื่องกับห้องอาหารเดิม
มุมนี้มองออกมาจากห้องอาหารครับ
ภาพนี้คือช่วงการทำงานของช่าง เคาน์เตอร์บาร์ ยังไม่เสร็จนะครับ
ส่วนรับแขก สภาพเดิมก่อนกั้นด้วยพาทิชั่น
ภาพนี้เป็น Concept Idea ครั้งแรกที่คุยกับเจ้าบ้านไว้ ภายหลังมีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงใหม่
สุดท้ายออกมาเป็นแบบนี้ครับ งานเหล็กฉลุลาย ทำสีทองเก่า สวยไปอีกแบบ ก็หวังว่าคงจะได้ Idea นำไปปรับใช้กันนะครับ สวัสดี
If U want to see Sketchup Animation pls follow at
ใครอยากดูแบบภาพเคลื่อนไหว Sketchup Animation งาน Interior มากกว่านี้ก็ที่นี่ครับ
Youtube Chanel: DAtelier Interior
https://www.youtube.com/channel/UC2a_qS46gAISkLJ1byl5Y5A?view_as=subscriber
IG: datelier_interior
วันจันทร์ที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2561
Review Renovate Idea "Loft Style Wine Bar & Restuarant"
ผมมีงานออกแบบจากลูกค้าเจ้าประจำกันอยู่รายหนึ่ง ที่ไปซื้อกิจการเดิมที่เป็นร้านอาหารจีน ที่มีการออกแบบตกแต่งภายในไว้ก่อนแล้ว เป็นสไตล์ที่ล้าสมัยแล้วสำหรับยุคสมัยนี้ คุยกันไว้ว่าอยากจะปรับให้เหมาะกับโลเคชั่นแถวนั้น ที่ปัจจุบัน มี นักท่องเที่ยวทั้งไทย และ ต่างชาติ รวมถึงพวกแบ๊กแพ๊กเกอร์ ชอบไปพักและเดินเที่ยวกัน ตัวอาคารเป็นตึกแถวสองห้องรูปแบบเก่าประมาณสามสิบปีขึ้นได้ครับ
อยากปรับเป็นร้านอาหารกึ่งเครื่องดื่ม รูปแบบสไตล์ลอฟท์ ไม่ดิบมากจนเกินไป ใช้งบประมาณไม่มากนัก(อีกแล้ว) อนุญาติให้รื้อลืมภาพเดิมไปเลยได้ ไหนๆจะทำแล้วขอเปลี่ยนลุ๊คใหม่ไปเลย โจทย์ยากสำหรับงานแบบนี้คือ รื้อแล้วไม่รู้จะเจอปัญหาอะไรบ้างซ่อนอยู่ ซึ่งก้อเจอจริงๆครับ ส่วนมากจะเจอเรื่องน้ำรั่วซึม ระดับพื้นโครงสร้าง ปลวก ก็แก้กันไปครับ ดีที่ได้ผู้รับเหมาที่ชำนาญการรับงาน มาลองดูที่ภาพเดิมตัวอาคารกันก่อนครับ
ภายในก็อย่างที่เห็นครับ ต้องรื้อออกทั้งหมดเลยทั้ง ฝ้าเพดาน ผนัง พื้น เฟอร์นิเจอร์ วางระบบใหม่เลยครับ
แบบแปลนที่วางเอาไว้ ทางเข้าอยู่ด้านบนซ้ายมือ ส่วนล่างซ่ายมือ จัดเป็นมุม Out-door ที่มีประตูบานเฟี๊ยมเปิดเชื่อมพื้นที่ภายในได้ โดยใช้ม่านอากาศกั้นแอร์ไหลออก ห้องน้ำอยู่ด้านในสุดตรงบันไดขึ้นชั้นบนนั่นเหล่ะครับ
มาดูงานออกแบบด้านหน้าอาคารกันครับ ผมรื้อวัสดุทุกอย่างออกหมด รวมถึงพวกแผ่นอลูมิเนียมปิดกันสาด โชว์ให้เห็นโครงสร้างปูนเดิม แล้วปรับฉาบใหม่ด้วยปูนล๊อฟท์ ตัดกับสีของกรอบอลูมิเนียมสีดำ ใส่กันสาดผ้าใบสีสดใส ด้านบนกันสาดปูน ทำระแนงไม้เทียม บังพวกคอมแอร์ซะ
มุมนั่ง Out-door ปูพื้นด้วยกระเบื้องเซรามิกลายไม้ ผนังด้านข้างมีที่โล่งๆ จัดเป็นจุดที่ติดป้ายชื่อร้าน โลโก้ร้าน กรุผนังด้วยหินเทียม ผมใช้หินอิฐเทียม สีขาวเทาของ Hi-Craft Stone เจ้านี้มีแบบหินให้เลือกเยอะครับ ส่วนเพดานตีระแนงไม้โปร่ง เห็นโครงสร้างปูนเปลือย กั้นส่วนภายใน ภายนอกด้วยบานเฟี๊ยม ติดม่านอากาศ กันแอร์ไหลออกครับ
ภายในร้าน ซ้ายมือเป็นมุมที่นั่งแบบม้านั่งยาวติดผนัง กรุผนังด้วยไม้ปูพื้นไม้จริง(จะใช้พวกกระเบื้องยางลายไม้ หรือกระเบื้องลายไม้ก็ได้นะครับ พอดีเจ้าของร้านอยากได้ไม้จริงๆ) มองเข้าไปจะเห็นผนังกรุด้วยหินอ่อนสีดำลายเส้นแร่ขาวอยู่กั้นเป็นผนังใต้บันได กับห้องน้ำด้านหลัง มุมนี้จะใชช้เป็นมุมเล่นดนตรีเล็กๆด้วยครับ
มุมเคาน์เตอร์บาร์ กรุเคาน์เตอร์ด้วยหินอ่อนสีขาวตัดด้วยหินสีดำ ซ่อนไฟหลืบด้านใต้ ช่วยให้งานดูมีราคาหรูขึ้นมาหน่อยตัดกับพวกงานดิบๆปูนเปลือย งานเดินท่อร้อยสายไฟเปลือย พื้นปูด้วยกระเบื้องสีเทาเรียบผิวหิน เลือกเอาจากร้าน "บุญถาวร" มีหลากหลายแบบและราคา ที่ประจำนักออกแบบครับ
ผนังหลังเคาน์เตอร์บาร์ ผมให้ทาสีเทาอมน้ำเงินเรียบๆง่ายๆแต่เน้นให้ดูเข้มขึ้นเพื่อไฮไลท์ความสำคัญของพื้นที่ และประหยัดงบไปในตัวด้วยครับ สวยแต่ไม่แพง ประดับด้วยโคมไฟแบบ Indrusty เพดานบางส่วนต้องกรุปิดเพื่อบังท่อน้ำชั้นบนครับ
มุมนี้มองย้อนออกไปด้านหน้าร้าน ขวามือล่างนี่ผมวางเป็นกระบะต้นไม้เพื่อเป็นตัวจบงานของที่นั่ง และบังสายตา เนื่องจากเป็นทางเดินไปยังห้องน้ำด้านหลังครับ
มุมมองอีกมุมมองย้อนไปด้านหน้าร้านครับ ผนังหลังที่นั่งม้านั่งยาว ตกแต่งด้วยงานเหล็กฉลุลายสีดำ เพื่อให้เข้ากับงานแบบ Indrusty
สุดท้าย เป็นภายในห้องน้ำ ด้านซ้ายเป็นส่วนของผู้หญิง ด้านขวาของผู้ชายนะครับ ก็ออกแบบง่ายๆเน้นสีสรรค์ของกระเบื้องโมเสค เพดานใช้ตะแกรงอลูมิเนียม ง่ายต่อการซ่อมบำรุง ด้านบนที่มีระบบท่อน้ำอยู่ ลองเทียบดูกับสภาพเดิมของรูปด้านล่างดูครับ
ห้องน้ำของเดิมสภาพนี้ครับ โซนการใช้งานเหมือนเดิม แต่เปลี่ยนสุขภัณฑ์ใหม่ กระเบื้องใหม่ เพดาน พื้นใหม่ ใช่ไฟแต่งช่วย แค่นี้ก็งามแล้วครับ
โดยสรุปของงานนี้คือ ประหยัดได้ในเรื่องของการออกแบบใหม่เข้าไป เลือกใช้วัสดุที่ไม่ต้องห่อหุ้มให้สิ้นเปลืองมากนัก เช่นการโชว์โครงสร้าง งานทาสี งานบิ้วไม่ต้องเยอะมาก แต่ยังไงก็ต้องเปลืองเรื่องการรื้อ ทำใหม่รวมถึงงานระบบใหม่ด้วยครับ ใครชอบบรรยากาศดีๆ อาหารอร่อยๆ เครื่องดื่มสุดชิค ขอเชิญไปอุดหนุนกันได้นะครับ ร้านชื่อ The House By Hongkong House เจ้าของใจดี น่ารัก เป็นกันเองครับ ย่านตลาดน้อย ปากถนนโยธา เชิญครับ
If U want to see Sketchup Animation pls follow at
ใครอยากดูแบบภาพเคลื่อนไหว Sketchup Animation งาน Interior มากกว่านี้ก็ที่นี่ครับ
Youtube Chanel: DAtelier Interior
https://www.youtube.com/channel/UC2a_qS46gAISkLJ1byl5Y5A?view_as=subscriber
IG: datelier_interior
วันจันทร์ที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2561
Review Idea "ออกแบบตกแต่งภายใน ร้านสปา"แบบเก๋ๆ ประหยัดงบ
ร้านสปาร้านนี้ ไปได้พื้นที่เช่าแบบโล่งๆ อยู่ในโรงแรมแห่งหนึ่งย่านใจกลางเมือง กรุงเทพฯ เจ้าของร้านเลยได้มาปรึกษากับผมว่า ถ้าจะลงทุนในแง่ของการก่อสร้าง แบบสามารถถอนย้ายในภายหลัง ไม่สิ้นเปลืองงบประมาณ ใช้งบประมาณในการตกแต่งเน้นเฉพาะหน้าตาภายนอกส่วนกลาง แต่ส่วนห้องนวดอยากให้เรียบง่าย จะเป็นไปได้มั๊ย? ก็เลยเป็นที่มาของงานตกแต่งภายในงานนี้ครับ
รูปนี้เป็นสภาพทางเดินเข้าหน้าร้านที่ถูกกั้นพื้นที่ด้วยผนังเบาชั่วคราวนะครับ มุมนี้เป็นมุมที่กึ่งๆมุมอับ ที่ไม่ถึงกับอับซะทีเดียว คือลูกค้ายังมองมาเห็นได้ ถ้าตกแต่งผนังให้ดีๆ มีไฟช่วย
รูปนี้เป็นพื้นที่ภายในร้าน มีผนังสองด้านเป็นกระจกใสติดฟิลม์ฝ้า 2 ด้าน ด้านที่ติดกับวอยด์โถงล๊อบบี้โรงแรม
จากพื้นที่ทั้งหมดที่โล่งๆ เมื่อเอาจัดวางแบบแปลน มุมขวาล่างสุด เป็นทางเข้าร้าน เข้ามาก็จะเป็นส่วนต้อนรับ หลังส่วนต้อนรับจะเป็นห้องพนักงาน เตรียมอุปกรณ์ทั้งหมดภายในห้องนี้ ส่วนที่เหลือคือกั้นเป็นห้องๆ ห้องนวดครับโดยห้องด้านบนของแบบแปลนจะมีห้องล้างตัวอยู่ในตัว
เริ่มจากทางเข้าด้านหน้า ออกแบบให้มีป้ายชื่อร้านอยู่ที่ผนังที่สามารถมองเห็นได้จากทางเดิน โดยใช้ผนังฉาบปูนลอฟท์ กรุด้วยแผงป้ายไม้ซ่อนหลืบไฟ ติดป้ายชื่อร้านเป็นวัสดุสเตนเลสเงา ส่องด้วยไฟสป๊อตไลท์ ส่วนผนังทางเข้าร้านกั้นด้วยกระจกใสทั้งผืน เพื่อให้ลูกค้ามองเห็นบรรยากาศภายในร้านให้ได้มากที่สุด มองเห็นส่วนต้อนรับด้านในได้อย่างโล่งโปร่งตาไม่อึดอัด
ส่วนต้อนรับ ลงทะเบียน กั้นส่วนกับทางเดินหน้าห้องนวดด้วยผ้าม่านกับผนังระแนงไม้โปร่งๆ ให้ดูไม่ทึบอึดอัดตา วางเก้าอี้ไม้สำหรับนั่งรอพักคอย มุมชั้นวางสินค้าสปาแบบโล่งโปร่ง กรุผนังส่วนต้อนรับด้วยงานไม้ให้ดูบรรยากาศอบอุ่นขรึมนิดๆ เพดานประดับด้วยโคมไฟสไตล์โอเรียนทอล สังเกตุว่าฝ้าเพดานเป็นฝ้าเรียบทาสีง่ายๆ ไม่เจาะทำหลุมฝ้า อันเนื่องมาจากติดงานระบบท่อที่อยู่เหนือฝ้าเพดาน ทำให้ไม่สามารถทำอะไรได้มากกว่านี้ครับ
ทางเดินหน้าห้องนวด ทาสีแดงส้ม กับผนังปูนลอฟท์ที่ตรงปลายผนังวางด้วยกระถางต้นไม้สีเขียวๆ เน้นสร้างบรรยากาศไทยๆนิดๆ ขับให้ดูสว่างด้วยพื้นกระเบื้องยางลายไม้สีอ่อน แบบทนน้ำ ประตูห้องเป็นบานเลื่อนไม้สีเข้มขรึม ผนังประดับด้วยรูปภาพเพื่อให้ดูมีมิติเรื่องราวมากขึ้น แต่ไม่สิ้นเปลืองงบประมาณ
ภายในห้องนวดตัว เน้นความเรียบง่ายแต่มีดีไซน์ด้วยผนังปูนลอฟท์ กั้นส่วนห้องล้างตัว ด้วยบานอลูมิเนียมกระจกฝ้า ประดับเพดานด้วยโคมไฟห้อยสไตล์โอเรียนทอล ติดรูปภาพประดับผนังให้ห้องดูมีสีสันต์ไม่แห้งแล้งจนเกินไป
จะเห็นได้ว่างบตกแต่งที่ใช้ไปกับงานบิ้วท์อินเฟอร์นิเจอร์ จะมีเฉพาะส่วนต้อนรับเท่านั้น นอกนั้นจะเป็นงานกั้นผนัง วางงานระบบน้ำ ไฟ ง่ายๆแต่ดูดีมีสไตล์ มีราคา อบอุ่น ไม่เว่อร์วังอลังการจนเกินไปนะครับ คงพอได้เป็น Idea เอาไปดัดแปลงใช้งานกันนะครับ ไม่หวง Idea ครับ
If U want to see Sketchup Animation pls follow at
ใครอยากดูแบบภาพเคลื่อนไหว Sketchup Animation งาน Interior มากกว่านี้ก็ที่นี่ครับ
Youtube Chanel: DAtelier Interior
https://www.youtube.com/channel/UC2a_qS46gAISkLJ1byl5Y5A?view_as=subscriber
IG: datelier_interior
วันจันทร์ที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2561
รวมแบบ Idea ห้องพระ สวยๆ
ที่อยู่อาศัยของเราชาวพุทธ ไม่ว่าจะเป็นบ้าน หรือ คอนโดที่พอมีพื้นที่ หรือไม่มีพื้นที่ก็ตาม สิ่งหนึ่งที่ต้องมีไว้ก็คงจะไม่พ้น ห้องพระ หรือหิ้งพระ เพื่อการกราบไหว้บูชากันนะครับ วันนี้เลยขอเสนอแบบ ห้องพระ รวมถึงชั้นวางพระ หลายๆแบบที่ผมเคยออกแบบไว้ รวบรวมมาให้ได้ดูชม เป็น Idea กันพอประมาณ เผื่อว่าโดนใจ จะเอาไปปรับใช้ หรือใช้ทั้งหมด ก็ไม่ว่ากันครับ
รูปแรกนี้ เป็นแบบในบ้านพักอาศัยที่มีการแยกห้องพระมาเป็นสัดส่วนนะครับ ออกแบบในสไตล์ ร่วมสมัยคือ สไตล์บ้านที่มีคิ้วบัวอยู่บ้าง แต่ไม่มาก ผสมผสานกับงานบิ้วท์อินของตู้แบบเรียบๆสีพ่นขาว ทำเป็นสเต็ป สามสี่ชั้นมีบานตู้และลิ้นชักไว้เก็บพระพุทธรูปองค์เล็กๆ และเก็บธูปเทียน ไม้ขีีดไฟ ไฟแช๊ค บลาๆๆๆ ส่วนท๊อปตู้กรุด้วยหินอ่อน หรือหินแกรนิต สีดำ ตรงกลางผนังที่เป็นพระประธาน ก็หารูปที่เป็นรูปเกี่ยวกับ พุทธศาสนา มาประดับให้ดูเข้มขลังขึ้นครับ
รูปที่สอง เป็นบ้านพักอาศัยที่มีขนาดเนื้อที่ค่อนข้างกว้างขวางพอสมควรครับ สไตล์ของบ้านนี้ เป็นสไตล์คลาสสิคทั้งบ้าน(เจ้าของบ้านอายุยังไม่มากเท่าไหร่ แต่กลับชอบงานสไตล์นี้มากครับ) ดังนั้นในห้องนี้เลยมีส่วนที่แยกเป็นแท่นพระ กับตู้สูงเก็บของ โดยในส่วนแท่นพระ ออกแบบเป็นชั้นๆโค้งลดหลั่นเป็นระดับขึ้นไป ท๊อปกรุหินอ่อนเทียมสีครีม ส่วนผนังก็เน้นให้ดูอลังการด้วยการกรุด้วยกระจกเคลือบสีไล่เฉดอ่อนแก่จากตรงกลาง ประดับซุ้มคิ้วบัวสีทอง ประตูทางเข้าเป็นบานเลื่อน กรุกรจกสีทำลวดลายพระพุทธรูป เพิ่มบรรยากาศให้ดูหรูหรามากยิ่งขึ้น
สองรูปนี้ เป็นบ้านสองชั้นแบบรุ่นสมัยเก่า ซักประมาณ สามสิบปีได้มั้งครับ เอามาปรับรีโนเวทเสียใหม่ โดยขนาดห้องค่อนข้างเล็กหน่อย ฝ้าเพดานเป็นหลังคาสโลปเลยต้องออกแบบฝ้าให้เอียงตามเพื่อรักษาระดับความสูงฝ้าไว้ ส่วนสไตล์งานออกแบบโดยรวมจะเป็นแบบโมเดิร์น ร่วมสมัย เพราะมีเฟอร์นิเจอร์ของเดิมที่เจ้าของบ้านอยากให้เก็บไว้ เช่นตั่งวางพระขาคู้แบบไทยๆ ก็เลยต้องเอามาปรับใช้ครับ เนื่องจากพื้นที่แคบเลยต้องออกแบบให้เป็นตู้ทำซุ้มขึ้นไปตรงๆ เล่นเป็นสเต็ปไม่ได้เพราะจะกินเนื้อที่ วางด้วยชั้นกรอบไม้แต่เจาะใส่กระจกใส ให้แสงส่องผ่านได้เพื่อเพิ่มความโปร่งเบา ส่วนด้านที่เป็นหน้าต่างก็ทำเป็นตู้เตี้ยลิ้นชักไป งานนี้ใช้สีพ่นขาวสลับกับเทา ส่วนที่ผนังหลังองค์พระก็ปิดแผ่นทองคำเปลว เพิ่มความอลังการและคุณค่าไป
รูปนี้เป็นมุมวางพระ ที่อยู่รวมไปกับห้องทำงานของเจ้าบ้านนะครับ บ้านนี้ชอบสไตล์งานคลาสสิคร่วมสมัยหน่อย ก็เลยหาตู้สไตล์คลาสสิคเรียบๆสีจรึมๆ มาวางพระง่ายๆครับ
รูปนี้เป็นห้องพระที่เจ้าของใช้พื้นที่ว่างบนชั้นดาดฟ้าของบ้าน อาศัยว่ามีหลังคา มากั้นเป็นห้องพระ และมีพระพุทธรูปบูชา ที่เป็นองค์ใหญ่ๆระดับที่ต้องวางบนแท่นเท่านั้น ก็เลยออกแบบให้ตามความต้องการที่ยากได้เป็นแท่นขาคู้ วางซ้อนกัน แยกเป็นชุดๆมาต่อกัน เป็นงานไม้สักปูท๊อปหินแกรนิตดำ
รูปนี้เป็นบ้านพักตากอากาศสไตล์รีสอร์ทครับ ใช้พื้นที่โถงชั้นสองของบ้าน เน้นวางพระองค์เดียวแบบเด่นๆไปเลย ก็เลยทำเป็นเหมือนแท่นวางประติมากรรม แต่เป็นตู้เก็บของได้ ผนังด้านหลังกรุแผงหินอ่อนสีขาว ซ่อนไฟด้านข้าง ให้เกิดมิติ ดูเรียบง่ายแต่หรูอยู่ในทีครับ
ปิดท้ายด้วยห้องพระแบบง่ายๆครับ อันนี้ผมทำดีไซน์มาแบบเรียบๆมีแค่หิ้งพระกับตู้เตี้ยวางของบูชา ตู้เก่าแบบไชนีสสไตล์กับผนังปูนลอฟท์ พื้นไม้ปาร์เก้ ใช้นั่งปฎิบัติธรรม กรรมฐาน สงบดีแท้ครับ
รูปแรกนี้ เป็นแบบในบ้านพักอาศัยที่มีการแยกห้องพระมาเป็นสัดส่วนนะครับ ออกแบบในสไตล์ ร่วมสมัยคือ สไตล์บ้านที่มีคิ้วบัวอยู่บ้าง แต่ไม่มาก ผสมผสานกับงานบิ้วท์อินของตู้แบบเรียบๆสีพ่นขาว ทำเป็นสเต็ป สามสี่ชั้นมีบานตู้และลิ้นชักไว้เก็บพระพุทธรูปองค์เล็กๆ และเก็บธูปเทียน ไม้ขีีดไฟ ไฟแช๊ค บลาๆๆๆ ส่วนท๊อปตู้กรุด้วยหินอ่อน หรือหินแกรนิต สีดำ ตรงกลางผนังที่เป็นพระประธาน ก็หารูปที่เป็นรูปเกี่ยวกับ พุทธศาสนา มาประดับให้ดูเข้มขลังขึ้นครับ
รูปที่สอง เป็นบ้านพักอาศัยที่มีขนาดเนื้อที่ค่อนข้างกว้างขวางพอสมควรครับ สไตล์ของบ้านนี้ เป็นสไตล์คลาสสิคทั้งบ้าน(เจ้าของบ้านอายุยังไม่มากเท่าไหร่ แต่กลับชอบงานสไตล์นี้มากครับ) ดังนั้นในห้องนี้เลยมีส่วนที่แยกเป็นแท่นพระ กับตู้สูงเก็บของ โดยในส่วนแท่นพระ ออกแบบเป็นชั้นๆโค้งลดหลั่นเป็นระดับขึ้นไป ท๊อปกรุหินอ่อนเทียมสีครีม ส่วนผนังก็เน้นให้ดูอลังการด้วยการกรุด้วยกระจกเคลือบสีไล่เฉดอ่อนแก่จากตรงกลาง ประดับซุ้มคิ้วบัวสีทอง ประตูทางเข้าเป็นบานเลื่อน กรุกรจกสีทำลวดลายพระพุทธรูป เพิ่มบรรยากาศให้ดูหรูหรามากยิ่งขึ้น
สองรูปนี้ เป็นบ้านสองชั้นแบบรุ่นสมัยเก่า ซักประมาณ สามสิบปีได้มั้งครับ เอามาปรับรีโนเวทเสียใหม่ โดยขนาดห้องค่อนข้างเล็กหน่อย ฝ้าเพดานเป็นหลังคาสโลปเลยต้องออกแบบฝ้าให้เอียงตามเพื่อรักษาระดับความสูงฝ้าไว้ ส่วนสไตล์งานออกแบบโดยรวมจะเป็นแบบโมเดิร์น ร่วมสมัย เพราะมีเฟอร์นิเจอร์ของเดิมที่เจ้าของบ้านอยากให้เก็บไว้ เช่นตั่งวางพระขาคู้แบบไทยๆ ก็เลยต้องเอามาปรับใช้ครับ เนื่องจากพื้นที่แคบเลยต้องออกแบบให้เป็นตู้ทำซุ้มขึ้นไปตรงๆ เล่นเป็นสเต็ปไม่ได้เพราะจะกินเนื้อที่ วางด้วยชั้นกรอบไม้แต่เจาะใส่กระจกใส ให้แสงส่องผ่านได้เพื่อเพิ่มความโปร่งเบา ส่วนด้านที่เป็นหน้าต่างก็ทำเป็นตู้เตี้ยลิ้นชักไป งานนี้ใช้สีพ่นขาวสลับกับเทา ส่วนที่ผนังหลังองค์พระก็ปิดแผ่นทองคำเปลว เพิ่มความอลังการและคุณค่าไป
รูปนี้เป็นมุมวางพระ ที่อยู่รวมไปกับห้องทำงานของเจ้าบ้านนะครับ บ้านนี้ชอบสไตล์งานคลาสสิคร่วมสมัยหน่อย ก็เลยหาตู้สไตล์คลาสสิคเรียบๆสีจรึมๆ มาวางพระง่ายๆครับ
รูปนี้เป็นห้องพระที่เจ้าของใช้พื้นที่ว่างบนชั้นดาดฟ้าของบ้าน อาศัยว่ามีหลังคา มากั้นเป็นห้องพระ และมีพระพุทธรูปบูชา ที่เป็นองค์ใหญ่ๆระดับที่ต้องวางบนแท่นเท่านั้น ก็เลยออกแบบให้ตามความต้องการที่ยากได้เป็นแท่นขาคู้ วางซ้อนกัน แยกเป็นชุดๆมาต่อกัน เป็นงานไม้สักปูท๊อปหินแกรนิตดำ
รูปนี้เป็นบ้านพักตากอากาศสไตล์รีสอร์ทครับ ใช้พื้นที่โถงชั้นสองของบ้าน เน้นวางพระองค์เดียวแบบเด่นๆไปเลย ก็เลยทำเป็นเหมือนแท่นวางประติมากรรม แต่เป็นตู้เก็บของได้ ผนังด้านหลังกรุแผงหินอ่อนสีขาว ซ่อนไฟด้านข้าง ให้เกิดมิติ ดูเรียบง่ายแต่หรูอยู่ในทีครับ
ปิดท้ายด้วยห้องพระแบบง่ายๆครับ อันนี้ผมทำดีไซน์มาแบบเรียบๆมีแค่หิ้งพระกับตู้เตี้ยวางของบูชา ตู้เก่าแบบไชนีสสไตล์กับผนังปูนลอฟท์ พื้นไม้ปาร์เก้ ใช้นั่งปฎิบัติธรรม กรรมฐาน สงบดีแท้ครับ
If U want to see Sketchup Animation pls follow at
ใครอยากดูแบบภาพเคลื่อนไหว Sketchup Animation งาน Interior มากกว่านี้ก็ที่นี่ครับ
Youtube Chanel: DAtelier Interior
https://www.youtube.com/channel/UC2a_qS46gAISkLJ1byl5Y5A?view_as=subscriber
IG: datelier_interior
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)